พม.ชลบุรี รับตัวน้องปังปอนด์ วัย 11 ขวบ หลังแชร์ว่อนสูบบุหรี่ไฟฟ้ากลางพัทยา

จากกรณีบนสังคมโซเชียลได้แชร์คลิปวิดีโอขณะที่เด็กผู้ชายกำลัง ยืนสูบบุหรี่ไฟฟ้า พ่นควันอยู่หน้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ภายในถนนคนเดินวอล์คกิ้งสตรีท พัทยาพัทยาใต้ ทำให้ มีสมาชิกเข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์ไปเป็นจำนวนมาก จนภายหลังทราบว่าเด็กชายคนดังกล่าว คือเด็กชายปังปอนด์ อายุ 11 ปี เมื่อติดต่อสอบถามผู้ปกครองจึงได้ความว่า เด็กชายปังปอนด์นั้นมักจะชอบหนีออกจากบ้าน ครอบครัวต้องออกตามหา ถึงขั้นเคยโพสต์ลงโซเชียลตามหาเด็กหายนับครั้งไม่ถ้วน ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

(25 ส.ค.67) นางนัทธมน กิจดำรงกุจ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชลบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง รวมถึงผู้ปกครองและตัวเด็ก ร่วมระดมความคิดหาแนวทางการแก้ปัญหา และหาแนวทางการฟื้นฟู ขณะที่ตัวเด็กยังมีอาการเครียด และร้องร้องตลอดเวลา 

โดยป้าออย อายุ 60 ปี แม่เลี้ยงเด็ก เปิดเผยว่า ในเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้านั้น ปกติอยู่บ้านก็ไม่เคยเห็น ทั้งที่เคยเตือนว่าเป็นสิ่งไม่ดี อันตรายต่อสมอง แต่ที่ปรากฏเป็นภาพคลิปวิดีโอตามข่าวนั้น ได้สอบถามน้องทราบเพียงว่าได้ซื้อมาจากแม่ค้า ภายในวอล์คกิ้งสตรีท แต่ไม่รู้จุดไหน แล้วก็สงสัยว่าคิดอย่างไรถึงขายให้เด็กอายุเพียง 11 ขวบ ในส่วนของการดูแลนั้น ไม่ใช่ว่าทางครอบครัวจะปล่อยปละละเลย แต่ตัวน้องปังปอนด์มีอาการป่วยโรคไฮเปอร์ แล้วจะหายออกจากบ้านเป็นประจำ บางครั้งออกตามหาถึงข้ามวันกว่าจะพบ

โดยหลังจากการพูดคุยมีความคิดเห็นตรงกันระหว่างผู้ปกครอง กับเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี ว่า จะรับตัวเด็กไปอยู่ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชลบุรี เพื่อทำการประเมินและเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูตัวน้องปังปอนด์ ส่วนในเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์นั้น ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง และเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพัทยา เตรียมลงพื้นที่กวาดล้างจับกุมเอาผิด กลุ่มผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ มาดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมาย

นอกจากนี้ยังได้รับการเปิดเผย จากเจ้าหน้าที่กิจการพิเศษเมืองพัทยา ถึงพฤติกรรมของน้องปังปอนด์ ที่ก่อความเดือดร้อน พร้อมคลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน หลังก่อเหตุจุดไฟ สิ่งของในห้องน้ำ บนรถห้องน้ำของเมืองพัทยา แต่ด้วยความที่เป็นเด็ก ทางเจ้าหน้าที่มีความเมตตาสงสาร จึงทำได้เพียงแค่ว่ากล่าวตักเตือน และให้ผู้ปกครองรับตัวกลับไปอยู่ในความดูแล