ไขข้อสงสัย ทำไมคนพุทธต้องเวียนเทียนวันมาฆบูชา
ไขข้อสงสัย ทำไมคนพุทธต้องเวียนเทียนวันมาฆบูชา

เนื่องในวันมาฆบูชา 2568 ข่าวเวิร์คพอยท์23 ชวนผู้อ่านร่วมไขข้อสงสัยความหมายที่แท้จริงหลังพิธี “เวียนเทียน” ที่ลึกซึ้งกว่าที่คิด
(เรียบเรียงโดย อพัชชา ทองสนิท)
วันมาฆบูชา เป็นหนึ่งในวันสำคัญทางศาสนาพุทธ จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี โดยคำว่ามาฆบูชานั้นมาจากภาษาบาลีว่า มาฆปูรณมีบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินฮินดู หรือเดือน 3 ตามปฏิทินจันทรคติไทย
ตามความเชื่อในศาสนาพุทธ เชื่อว่าในสมัยพุทธกาลมีเหตุอัศจรรย์ เกิดขึ้นพร้อมกัน 4 ประการ คือ พระภิกษุ 1,250 รูป ได้มาประชุมพร้อมกันยังวัดเวฬุวันโดยมิได้นัดหมาย, พระภิกษุทั้งหมดนั้นเป็น “เอหิภิกขุอุปสัมปทา” หรือผู้ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง, พระภิกษุทั้งหมดนั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา 6, และวันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญเดือน 3 ดังนั้น จึงเรียกวันนี้อีกอย่างหนึ่งว่า “วันจาตุรงคสันนิบาต” หรือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ 4
เมื่อพระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นคณะสงฆ์มาชุมนุมโดยพร้อมเพรียงกัน จึงได้แสดงธรรมโอวาทปาฏิโมกข์ ให้กับเหล่าพุทธสาวก เป็นพระพุทธพจน์ 3 คาถากึ่ง มีใจความสำคัญ คือ
- พระพุทธพจน์คาถาแรกทรงกล่าวถึง พระนิพพาน ว่าเป็นจุดมุ่งหมายหรืออุดมการณ์อันสูงสุดของบรรพชิตและพุทธบริษัท อันมีลักษณะที่แตกต่างจากศาสนาอื่น ดังพระบาลีว่า “นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา”
- พระพุทธพจน์คาถาที่สองทรงกล่าวถึง “วิธีการอันเป็นหัวใจสำคัญเพื่อเข้าถึงจุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาแก่พุทธบริษัททั้งปวงโดยย่อ” คือ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง การบำเพ็ญแต่ความดี และการทำจิตของตนให้ผ่องใสเป็นอิสระจากกิเลสทั้งปวง ส่วนนี้เองของโอวาทปาฏิโมกข์ที่พุทธศาสนิกชนมักท่องจำกันไปปฏิบัติ โดยมีการจำเป็นประโยคสั้นๆ ว่า “ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส”
- พระพุทธพจน์คาถาสุดท้าย ทรงกล่าวถึงหลักการปฏิบัติของพระสงฆ์ผู้ทำหน้าที่เผยแผ่พระศาสนา 6 ประการ คือ การไม่กล่าวร้ายใคร, การไม่ทำร้ายใคร, การมีความสำรวมในปาติโมกข์ทั้งหลาย, การเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร, การรู้จักที่นั่งนอนอันสงัด, และบำเพ็ญเพียรในอธิจิต
สำหรับพิธีกรรมที่พุทธศาสนิกชนในไทยมีเพื่อรำลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า เพิ่งเริ่มมีในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระองค์ได้ทรงปรารภถึงเหตุการณ์ครั้งพุทธกาลในวันเพ็ญเดือน 3 ดังกล่าวว่า เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญยิ่ง ควรประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความศรัทธาเลื่อมใส จึงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชกุศลมาฆบูชาขึ้น
การประกอบพระราชพิธีคงคล้ายกับวันวิสาขบูชา คือ มีการบำเพ็ญพระราชกุศลต่าง ๆ และมีการพระราชทานจุดเทียนตามประทีปเป็นพุทธบูชาในวัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระอารามหลวงต่าง ๆ เป็นต้น โดยในช่วงแรก พิธีมาฆบูชาคงเป็นการพระราชพิธีภายใน ก่อนที่จะมีการขยายออกไปในหมู่สามัญชนภายหลัง
ในวันมาฆบูชานี้ พุทธศาสนิกชนจะร่วมกันทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และทำความดีในหลาย ๆ รูปแบบ แต่หนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญคือ “การเวียนเทียน”
ความสำคัญของการเวียนเทียน
การเวียนเทียน เป็นคติที่ได้รับมาจากอินเดีย พร้อมๆ การเข้ามาของพระพุทธศาสนาในภูมิภาคสุวรรณภูมิ โดยมีบันทึกปรากฏถึงการเวียนเวียนว่าเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยทวารวดี
การเวียนเทียน เป็นการเคารพบูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นการให้พุทธศาสนิกชนตระหนักถึงสังสารวัฏ การไม่มีที่สิ้นสุด ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนอย่างที่เราเดินเป็นวงกลม ที่สุดท้ายแล้วเราจะต้องวนกลับมาที่เดิม
เวียนเทียนทำอย่างไร?
เดินทางประธานสงฆ์โดยในมือต้องมีดอกไม้ ธูปเทียนเรียบร้อยแล้ว เดินเวียนไปทางที่มือขวาของตน หันเข้าสถานที่ที่เวียนนั้นจนครบ 3 รอบ ซึ่งแต่ละรอบให้ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ตามลำดับ
สุดท้ายนี้ การทำบุญไม่จำเป็นต้องทำเฉพาะในวันสำคัญทางศาสนาเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นวันไหน ขอแค่เพียงเรารักษาศีล สำรวมกายใจ และมีสติในการดำเนินชีวิต ก็เหมือนกับการทำบุญที่ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันสำคัญทางศาสนา
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เคยกินกันไหม “หม่าขี้เบ้า” ของอร่อยพื้นบ้านที่ต้องขุดโพรงหา แอบซ่อนตัวอยู่ในก้อนขี้ควาย ก่อนแปลงกายเป็นเมนูแซ่บ

ลูกศิษย์แจ้งข่าวเศร้า อดีตพระยันตระ อมโร เสียชีวิตแล้วในวัย 73 ปี ที่บ้านพักในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
