ผบ.ตร.ตั้งคณะทำงานสอบสวนธุรกิจขายตรงดาราดัง
ผบ.ตร.ตั้งคณะทำงานสอบสวนธุรกิจขายตรงดาราดัง
กลุ่มผู้เสียหายบุกแจ้งความธุรกิจขายตรงต้องสงสัยเป็นแชร์ลูกโซ่ พบดาราดังเอี่ยว ผบ.ตร.ตั้งคณะทำงานร่วม หากพบมูลความผิดจ่อออกหมายเรียกสอบปากคำทุกคน
กรณีที่บริษัทธุรกิจออนไลน์แห่งหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจในลักษณะตัวแทนจำหน่าย โดยมีสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ โดยมีทีมผู้บริหารที่เป็นดาราชื่อดังมากมาย ที่ได้ถูกจับตาจากโลกออนไลน์และโยงไปถึงข่าวต่างๆว่า มีความต้องสงสัยว่าจากการขายของออนไลน์เป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่
ล่าสุดที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ ซอยรามอินทรา 52/1 กลุ่มคนซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้เสียหายจากบริษัทดังกล่าวเข้าร้องกับนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ให้ช่วยดำเนินคดีหลังถูกหลอกลงทุนสูญเงิน 5 แสนบาท
ทนายเดชา กล่าวว่าวันที่ 10 ต.ค. นี้ เวลา 10.00 น. จะพาผู้เสียหาย 40 คน ไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เกี่ยวกับคดีของบริษัทแห่งหนึ่งที่ต้องสงสัยว่ากลายพันธุ์จากบริษัทขายตรงแชร์ลูกโซ่หรือไม่ โดยตนเองได้รับการประสานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้รวบรวมผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพื่อเข้าสู่กระบวนการเริ่มต้นการสอบสวน ทั้งนี้ผู้เสียหายส่วนใหญ่เริ่มต้นจากการเข้าไปเรียนสอนทำการตลาด เมื่อไปเรียนกลับถูกชักชวนซื้อสินค้า ซึ่งเข้าข่ายชักชวนร่วมลงทุนและขายตรง ซึ่งเข้าความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงและอาจผิดตามข้อหากู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน
ด้านนางวิภารัตน์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเริ่มเข้าเครือข่ายช่วงที่โควิดมาใหม่ ๆ ในปี 2563 ไม่มีรายได้ จู่ๆ ก็มีแม่ทีมที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทดังกล่าว ขอเพิ่มเพื่อนในเฟซบุ๊ก โดยตอนเเรกก็สังสัยว่าเป็นใครเพราะรูปโปรไฟล์มีการถ่ายรูปคู่กับสินค้าเรียงเต็มอยู่ข้างหลังจนได้เป็นเพื่อนกัน แม่ทีมคนนี้มีคำแนะนำให้ตนเข้าเป็นไปลูกทีม เมื่อฟังก็รู้สึกเชื่อถือและคิดว่าเป็นของแปลกใหม่ เป็นธุรกิจที่สามารถทำเงินได้ดี เลยได้มีการสมัครเข้าไปซึ่งมีค่าใช้จ่าย 2,500 บาท พอสมัครเสร็จแล้วก็มีการเข้าไปพบกับบุคคลที่เรียกกันว่า "บอส" และได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสินค้าพร้อมพูดถึงประวัติความเป็นมาของตัว "บอส" เอง ก็ยิ่งทำให้น่าเชื่อถือ จึงได้จ่ายอีก 25,000 บาท เป็นการเพิ่มดีกรีให้ตัวเองเป็นอีกขั้นหนึ่งของตัวเเทนจำหน่าย และเสียค่าไปเที่ยวกับบริษัทเหมือนการสัมมนาอีก 25,000 บาท รวมทั้งหมดวันนั้นเสียค่าใช้จ่าย 50,000 บาท
ผู้เสียหายเล่าว่า ตลอดที่ตัวเองอยู่ ผู้ที่อบรมของบริษัทนี้ไม่เคยสอนการขายสินค้าออนไลน์เลย สอนแต่การตัดคลิป การยิงแอด และการเชิญชวนคนเข้าเครือข่าย โดยระหว่างที่ตัวเองเป็นเครือข่ายมีการพบเจอกับดาราบ้าง แต่ว่าเข้ามาในลักษณะของการเป็นพรีเซนเตอร์ในการเชิญชวนซื้อสินค้าต่าง ๆ ของบริษัท จนเริ่มทำมาประมาณ 5-6 เดือน เริ่มที่จะขายไม่ได้ โดยได้มีการไปปรึกษากับแม่ทีมซึ่งได้คำปรึกษามาว่าให้ยิงแอดเพิ่มและให้ชักชวนคนเข้ามาเป็นเครือข่ายเพิ่มเติมอีก ไม่ได้มีการแนะนำวิธีการขายสินค้าเพิ่มเลย เลยมองว่าไม่คุ้มค่ากับการที่ลงทุนไปกับการขายสินค้า หรือการจ่ายเงินเพื่อเลื่อนระดับ สูญเงินรวมไปกว่า 5 แสนบาท
นอกจากนี้ยังได้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้เสียหายอีกราย ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้เสียหายได้เล่าถึงขั้นตอนการถูกชักชวนหลอกให้ร่วมลงทุนในลักษณะเดียวกันกับนางวิภารัตน์ โดยเริ่มต้นจากการสมัครสมาชิก 2,500 บาท จากนั้นจะถูกให้เพิ่มดีกรีลงทุนเข้าไปและให้ชักชวนหาคนอื่นมาเป็นเครือข่าย ซึ่งผู้เสียหายได้ชักชวนลูกทีมได้อีกประมาณ 10 คน เป็นเครือญาติ สูญเงินไปหลักแสนบาท ทำให้เครียดถึงขั้นขนาดคิดสั้น
ล่าสุดวันเดียวกันนี้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ท่านรักษาการ ผบ.ตร.ได้ส่งการมาที่ผมให้ผมจัดคณะทำงานเพื่อที่จะพิจารณา และมาดูเรื่องที่ประชาชนได้รับความเดือนร้อนคดีนี้ ซึ่งเป็นเคสที่มีการขายตรงโดยกลุ่มหนึ่ง
โดยตอนนี้ผมก็ได้กำลังตั้งคณะทำงานขึ้นมา ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์หรือจะกล่าวโทษ ซึ่งเราใช้ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่ถนนพหลโยธิน หรือ เเดนเนรมิตเดิม ตั้งแต่ช่วงเวลา 10.00 น.เป็นต้นไป แล้วก็หลังจากเปิดดำเนินการแล้วกระผมก็จะเข้าไปดูด้วยตัวเอง โดยการดำเนินการนี้นั้น ซึ่งในขณะนี้ผมได้รับการสั่งการแล้ว และกำลังศึกษาดูในเรื่องของความผิดว่า จะมีความผิดในเรื่องใดบ้าง แล้วก็จะได้มาดูในเรื่องของอัตราโทษ และการที่จะบริหารจัดการว่าจะทำอะไรต่อไปครับ
ในส่วนของดาราที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีหุ้นส่วนในบริษัทดังกล่าวนั้น ถ้าพบว่ามามีความผิดหรือพบว่า เข้าข่ายว่าจะกระทำความผิด เราก็จะออกหมายเรียกเพื่อใช้ในการติดต่อเพื่อให้เข้ามาให้ปากคำหรือให้ถ้อยคำแล้วจะดำเนินการขึ้นต่อไปทุกคนครับ และในตอนนี้ยังไม่มีใครเข้ามาร้องเรียนแต่เรากำลังแจ้งให้ทราบว่า เราได้ดำเนินการทันที เพราะเราเห็นเป็นความเดือนร้อนของประชาชน
โดยท่านที่ได้รับความเดือนร้อนหรือคาดว่าน่าจะได้รับผลกระทบ ก็สามารถไปที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้