สอบปากคำ “นายปราโมทย์” ผู้ต้องสงสัยฆ่าโหดสาวเจ้าของร้านคาราโอเกะ
สอบปากคำ “นายปราโมทย์” ผู้ต้องสงสัยฆ่าโหดสาวเจ้าของร้านคาราโอเกะ

คุมตัว“นายปราโมทย์”สามีเจ้าของร้านคาราโอเกะถูกฆ่าโหด - ยังปิดปากเงียบไม่ตอบคำถามใด ๆ
14 เม.ย.68 ความคืบหน้าคดีสะเทือนขวัญ กรณีการเสียชีวิตของ นางสาวอิงฟ้า อายุประมาณ 38 ปี เจ้าของร้านคาราโอเกะในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี โดย ตร. ได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. ของวันที่ 13 เมษายน 2568 พบร่างนางสาวอิงฟ้าถูกยิงเสียชีวิตภายในห้องนอนของร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในพื้นที่ ตำบลท่าข้าม อำเภอค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี สภาพศพนอนหงายอยู่บนเตียง สวมเสื้อกล้ามสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำ มีคราบเลือดจำนวนมากบนที่นอน โดยภายในห้องเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ ขณะที่ศีรษะมีร่องรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. จำนวน 1 นัด หัวกระสุนตกที่พื้นในห้องเจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน แพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจออกติดตามตัวผู้ต้องสงสัย คือ นายปราโมทย์ ซึ่งเป็นสามีของผู้เสียชีวิต หลังเกิดเหตุได้หายตัวไป
ล่าสุดศาลจังหวัดสิงห์บุรีได้อนุมัติออกหมายจับ นายปราโมทย์ หรือ “ปิ๊ก” สามีของผู้เสียชีวิต ในข้อหาต้องสงสัยใช้อาวุธปืนยิงภรรยาจนเสียชีวิตภายในห้องนอนของร้าน
ต่อมาในเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ค่ายบางระจัน ได้นำกำลังเข้าจับกุมนายปราโมทย์ และควบคุมตัวมายังโรงพักเพื่อสอบสวนอย่างละเอียด โดยการสอบสวนเบื้องต้นจัดขึ้นที่ห้องประชุมชั้น 3 ของสถานีตำรวจ ท่ามกลางการติดตามของสื่อมวลชน
ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายปราโมทย์ลงมาจากรถกระบะ เพื่อพาขึ้นบันไดไป ที่บริเวณชั้น 3 ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ในคืนวันที่ 13 เมษายน ว่าในช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้น นายปราโมทย์อยู่ที่ใด และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของภรรยาหรือไม่ รวมถึงมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันก่อนเกิดเหตุหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม นายปราโมทย์ไม่ตอบคำถามใด ๆ ต่อสื่อมวลชน ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวขึ้นไปสอบปากคำอย่างละเอียด ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งดำเนินการสอบสวน เพื่อหาข้อเท็จจริง และจะมีการแถลงความคืบหน้าในคดีต่อไป
ด้านลูกสาวผู้ตายเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแม่กับนายปราโมทย์ ซึ่งอาจเป็นเบาะแสสำคัญในคดีนี้ เธอเล่าว่า มารดาเติบโตมาในสถานสงเคราะห์จังหวัดสระบุรี หลังเลิกรากับพ่อแท้ ๆ ก็ได้พบและคบหากับนายปราโมทย์มานานประมาณ 3 ปี โดยช่วงแรกอยู่กินกันประมาณ 1 ปี ก่อนที่แม่จะเดินทางไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ และกลับมาใช้ชีวิตร่วมกับนายปราโมทย์อีกครั้ง
ตลอดช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกัน ทั้งคู่มักมีปากเสียงกันบ่อย โดยเฉพาะเรื่องความหึงหวง เนื่องจากมีลูกค้าร้านคาราโอเกะบางรายแสดงท่าทีติดพันแม่ แม้แม่จะไม่ได้สนใจหรือตอบโต้กลับ แต่กลับกลายเป็นสาเหตุให้เกิดความไม่ไว้วางใจ และเคยมีเหตุการณ์ที่รุนแรงถึงขั้นทำร้ายร่างกาย โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา นายปราโมทย์เคยลงมือทำร้ายแม่จนปากบวม ตาบวม
ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งคู่เริ่มห่างเหินกันมากขึ้น กระทั่งแม่ตัดสินใจเซ้งกิจการคาราโอเกะในจังหวัดสิงห์บุรี โดยมีนายปราโมทย์เป็นผู้ออกทุนและร่วมบริหารร้าน โดยตกลงกันว่าจะเดินทางมาดูร้านเฉพาะช่วงวันศุกร์ถึงอาทิตย์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จมากนัก มีปัญหาเรื่องเงินหมุนเวียนไม่ทันในแต่ละเดือน ยิ่งซ้ำเติมความเครียดและความตึงเครียดระหว่างทั้งสองคนมากขึ้น
ลูกสาวของผู้ตายยังเผยอีกว่า ก่อนเกิดเหตุไม่นาน แม่เคยเปรยว่า อดีตภรรยาของนายปราโมทย์ก็เคยถูกทำร้ายร่างกายเช่นกัน ซึ่งทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ เพราะที่ผ่านมานายปราโมทย์มักวางตัวเป็นคนใจเย็น และคอยช่วยเหลือทั้งด้านการเงินและเรื่องอื่น ๆ แม้ในบางครั้งแม่จะพูดจารุนแรงกับเขา นายปราโมทย์ก็ไม่เคยตอบโต้
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุ เธอได้พยายามติดต่อผ่านทั้งข้อความและโทรศัพท์ แต่นายปราโมทย์ไม่รับสาย จนกระทั่งมาถูกจับกุมในเวลาต่อมา นอกจากนี้ลูกสาวของผู้ตายยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “หนูไม่อยากให้เขาได้รับการประกันตัว และอยากให้ตำรวจดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด”
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายปราโมทย์ ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม น.ส.อิงฟ้า มายังร้านคาราโอเกะ ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความเรียบร้อยอย่างเข้มงวดตลอดการทำแผน ทั้งนี้ นายปราโมทย์ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี
ภายหลังเสร็จสิ้นการทำแผน พ.ต.อ.ชัยวุฒิ เกียรติก้องกำจาย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานและติดตามตัวผู้ต้องสงสัยอย่างใกล้ชิด กระทั่งสามารถคลี่คลายคดีและจับกุมผู้ต้องหาได้ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง
จากการสอบปากคำเบื้องต้น นายปราโมทย์ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือใช้อาวุธปืนยิงศีรษะ น.ส.อิงฟ้า จนเสียชีวิต โดยให้เหตุผลว่าเกิดจากความหึงหวง แต่ไม่ได้ระบุว่าหึงหวงผู้ตายกับบุคคลใดเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย โดยผู้ต้องหามักพกติดตัวเป็นประจำ มิได้มีการวางแผนล่วงหน้าแต่อย่างใด หลังเกิดเหตุ นายปราโมทย์ได้ขับรถกระบะส่วนตัวหลบหนีไปยังบ้านของพ่อแม่ของเขา ก่อนติดต่อขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมนำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุมามอบเป็นของกลาง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” และจะนำตัวส่งศาลจังหวัดสิงห์บุรีเพื่อขออำนาจศาลฝากขังในวันพรุ่งนี้ต่อไป - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
