อัปเดต!"โรคฝีดาษลิง" ก.ควบคุมโรค ยันไร้ติดเชื้อเพิ่ม

อัปเดต!"โรคฝีดาษลิง" ก.ควบคุมโรค ยันไร้ติดเชื้อเพิ่ม

35429 ส.ค. 67 16:55   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

อัปเดต!"โรคฝีดาษลิง" ก.ควบคุมโรค ยันไร้ติดเชื้อเพิ่ม ส่วนผู้ป่วยรายแรกจนท.ติดตามอาการทุกวันจนกว่าจะพ้นระยะแพร่เชื้อ

(29ส.ค.67) ที่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีมีผู้กังวลว่าผู้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ"โรคฝีดาษลิง"(โรคฝีดาษวานร) สายพันธุ์ Clade 1b (Mpox Clade 1b) รายแรกของไทย ว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ขอยืนยันว่า กรมควบคุมโรคมีการติดตามเฝ้าระวังผู้สัมผัสใกล้ชิดและผู้สัมผัสเสี่ยงทุกคนอย่างใกล้ชิด โดยมีการติดตามอาการทุกวัน 


นายแพทย์ธงชัย กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้นับตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา ยังไม่พบการติดเชื้อเพิ่มเติมแต่อย่างใด สำหรับผู้ติดเชื้อที่พบได้ดำเนินการแยกรักษาและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยรายอื่น ซึ่งจะได้รับการรักษาจนกว่าจะพ้นระยะแพร่เชื้อหรือตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ 


"พร้อมทั้งได้เน้นย้ำการป้องกันการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเมื่อต้องสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย ตามมาตรฐานการดูแลโรคอุบัติใหม่อย่างเคร่งครัด" นายแพทย์ธงชัย ระบุ


ปัจจุบัน"โรคฝีดาษลิง"(โรคฝีดาษวานร) (MPOX) ยังจัดอยู่ในกลุ่มโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังจึงเป็นเพียงขอความร่วมมือจากผู้สัมผัสใกล้ชิดและผู้สัมผัสเสี่ยงในการปฏิบัติตน เพื่อประโยชน์ในการติดตาม เฝ้าระวังอาการ และควบคุมโรค โดยขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำ 5 ข้อ จนกว่าจะครบ 21 วัน หลังจากสัมผัสผู้ติดเชื้อ ได้แก่ 


  1. สังเกตอาการด้วยตนเองทุกวัน อาทิ ไข้ ผื่นผิวหนัง ซึ่งมักปรากฏที่ใบหน้า แขนขา อวัยวะเพศ และลำตัว ไอ จาม และต่อมน้ำเหลืองโต หากมีอาการอย่างหนึ่งอย่างใดให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านทันที 
  2. รักษาความสะอาดส่วนบุคคล ล้างมือและทำความสะอาดร่างกายด้วยสบู่และแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ หรือเมื่อสัมผัสพื้นผิวสัมผัส 
  3. งดการมีเพศสัมพันธ์ หรือพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูกหรือ น้ำลาย ระหว่างกัน 
  4. งดการใช้ของใช้ส่วนตัว เช่น อุปกรณ์รับประทานอาหาร และเสื้อผ้าร่วมกับผู้อื่น และแยกทำความสะอาด 
  5. เก็บและจัดการขยะที่อาจปนเปื้อนสารคัดหลั่งของตนเองให้มิดชิด แยกจากขยะทั่วไป โดยให้ปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นอย่างเคร่งครัด


นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคยังได้ยกระดับมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองโรค ทั้งที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเที่ยวบินที่มาจากทวีปแอฟริกา ที่มีผู้เดินทางเข้ามาวันละประมาณ 300 คน ซึ่งจะมีแพทย์คอยดูแลทุกคน อีกทั้งสามารถตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการได้ที่สนามบิน 



สำหรับกรณีการฉีดวัคซีนภายหลังการสัมผัส องค์การอนามัยโลกแนะนำให้สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิด เช่น บุคคลในครอบครัว เป็นต้น ซึ่งจะใช้ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น โดยจะมีการประชุมปรึกษาถึงแนวทางการใช้ในวันที่ 6 กันยายน 2567 นี้ ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถป้องกันตัวเองด้วยการงดการมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลแปลกหน้า และหมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เพื่อความปลอดภัย


ที่มา: กองระบาดวิทยา/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง