"ลีซอ"แจงชัดภาพคู่"บอสพอล"ย้ำตกเป็นผู้เสียหาย"ดิไอคอน"

"ลีซอ"แจงชัดภาพคู่"บอสพอล"ย้ำตกเป็นผู้เสียหาย"ดิไอคอน"

53315 ต.ค. 67 18:35   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

"ลีซอ"ธีรเทพ วิโนทัย อดีตดาวยิงทีมชาติไทย ออกมาชี้แจงกรณีภาพคู่กับ"บอสพอล"เจ้าของดิไอคอนที่กำลังตกเป็นกระแสข่าวหลังมีผู้เสียหายจากการลงทุนธุรกิจ โดยเจ้าตัวย้ำชัดว่าตนเองก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหาย

(15ต.ค.67) "ลีซอ" ธีรเทพ วิโนทัย อดีตนักเตะทีมชาติไทย ชี้แจงกรณีภาพคู่กับ"บอสพอล"เจ้าของดิไอคอนที่กำลังตกเป็นกระแสข่าวหลังมีผู้เสียหายจากการลงทุนธุรกิจ ชี้แจงว่า ผมก็เป็นผู้เสียหาย เริ่มแรกเลยเหตุผลที่ได้เข้ามาเจอกันผมเองรู้จักกับน้องคนหนึ่ง ซึ่งรู้จักกันก่อนที่เขาจะมาทำดิไอคอน เหมือนตอนนั้นเขาก็รู้ว่าที่บ้านผมและภรรยาเราขายที่ตรวจ ATK เขาก็พยายามที่จะซื้อที่ตรวจATK จากเรา ก็เลยมีการพยายามติดต่อกันเพราะเขาก็จะซื้อในจำนวนที่เยอะต้องเข้ามาคุยที่ออฟฟิศ เราเลยโอเคตกลงแล้วเข้าไปเจอเขาที่ออฟฟิศ ก็เลยมีโอกาสได้เจอคุณพอลด้วย 


ธีรเทพ กล่าวต่อไปว่า เราก็ไม่ได้คิดอะไรมากตรงนั้น เพราะเขาก็เพียงแค่ต้องการซื้อ ATK เรา ตอนที่ไปออฟฟิศการสนทนาซื้อขาย ATK เป็นเพียงบทสนทนานสั้นๆเท่านั้นเอง ก็จะมีการแนะนำในเรื่องของบริษัทเขา แนะนำสินค้าทั้งหมด เหมือนกับเป็นการโน้มน้าวเรา เพื่อความดีความชอบของบริษัทเขา ด้วยความที่เราก็คิดว่าเขาจะซื้อ ATK จากเรา ทีนี้น้องที่รู้จักก็เป็นแม่ข่ายอยู่ด้วย เราเลยโอเคและตกลงซื้อ เสียหายไป 250,000 บาท ทีนี้ก็มีตามมาเรื่อย ๆ แนะนำ 2,500 -25,000 บาท เราก็โอเคจบที่ 250,000 บาท 


"ซึ่งตอนนั้นเราก็มองว่าตอนนั้นมันเป็นเรื่องโควิด ตัวผมเองก็มีเรื่องของฟุตบอลที่มีผลกระทบ เลยมองว่าอาจจะเป็นอีกแนวทางธุรกิจที่สามารถเลี้ยงชีพเราได้ ที่เรามองในตอนนั้น ด้วยความที่เขาโน้มน้าวใจเราเหมือนที่คนอื่นเจอคล้าย ๆ กันเลย" กล่าว


ธีรเทพ กล่าวอีกว่า พอเราจบไปจากตรงนี้ ตอนนั้นก็มีในส่วนของโปรโมชั่นด้วย ตอนนั้นเขาก็ไม่มีสินค้าให้เราเหมือนเป็นเซอร์วิสให้เราเป็นบริการหลังการขายให้ ประมาณถ้าเราจะสั่งของ หรือส่งของก็บอกกับทางเขาได้เลย เขาส่งให้โดยที่เราไม่ต้องสต็อกไว้ที่บ้าน เบิกของอะไรก็สามารถทำได้เลย แต่มันก็มีเหมือนได้คืนจากอะไรสักอย่างที่เป็นชิปผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่โดยรวมก็ประมาณนี้ 220,000 - 250,000 ที่เราเสียหายไป 


ธีรเทพ กล่าวต่อไปอีกว่า หลังจากที่เราจบดีลไปแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เราก็ไม่ได้ไปทำงานต่อ พอกลับมาดูเราก็รู้ว่าตนเองไม่ได้มีความถนัดเลย เหมือนขายตรงที่ต้องแนะนำคนมาซื้อกับเราหรือลงคอร์สเรียน ไลฟ์สดทำนองนี้ เราไม่ชอบการขายตรงที่มาจากคนอื่นมาขายเรา แล้วจะให้เราไปปขายคนอื่น เลยคิดว่ามันไม่เหมาะ สินค้าที่ต้องมานั่งขายปลีกเป็นชิ้น ๆ มันก็ไม่มีทางรวยอยู่แล้วยากมาก 


ธีรเทพ บอกด้วยว่า ช่วงนั้นน้องสาวเราเองก็เพิ่งเรียนจบเราก็อยากมีอาชีพให้เขา เลยไปทำความรู้จักกับดิไอคอน ทางโซเซียลมีเดียต่าง ๆ ทีนี้ไปดูก็พบว่าสินค้าที่มีอยู่ในช่องทางแอปพลิเคชัน มันขายถูกกว่าที่เรามี เลยทำให้คิดว่าแล้วแบบนี้เราจะขายได้ไหม เลยมานั่งคุยกับภรรยาว่างั้นไม่เป็นไรแล้วกัน ก็ถือว่าช่วยเหลือน้องไป ส่วนของที่เหลือก็เบิกแล้วเอามากินเอง หรือแจกจ่ายใครก็ได้ เพราะเรากินไม่ไหวมันเยอะ ทุกวันนี้ของเราก็ยังอยู่ในสต็อกในจำนวนที่เรายังไม่ได้เบิกมาอีกประมาณนึง 


"ส่วนตัวของผมไม่ได้เกิดอะไรขึ้น เพราะเราไม่ได้สานต่อในส่วนตรงนั้น ผมก็ไปทำอย่างอื่นและไม่ได้เกิดเครือข่ายอะไรขึ้นกับเรา เพราะเราไม่ได้คุยกับใครต่อ ส่วนภาพที่เห็นที่ถ่ายกับคุณพอลก็คือวันนั้นที่เข้าไปออฟฟิศไปคุยกันแค่นิดหน่อย ก็ถ่ายรูปคู่กันทางเขาก็เอาไปโพสต์เท่านั้นเลย ผมเองก็ถือว่าเป็น 1 ในผู้เสียหาย และก็ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว" ธีรเทพ กล่าว 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง





TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง