รวบซัพพลายเออร์ “บัญชีม้า” กว้านซื้อส่งนายทุนจีนปอยเปต
รวบซัพพลายเออร์ “บัญชีม้า” กว้านซื้อส่งนายทุนจีนปอยเปต
ตร.ไซเบอร์บุกค้น 3 จุด จับซัพพลายเออร์บัญชีม้า กว้านซื้อ-จัดหา ส่งนายทุนจีนฝั่งปอยเปตตามออเดอร์ แลกเงินบัญชีละ 2,500 - 8,000 บาท ถ้าเปิดบัญชีบริษัทให้ได้นายทุนจ่าย 1 แสน
(14 ต.ค. 67) จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี พบศพ น.ส.สุดารัตน์ อายุ 28 ปี ชาว จ.นครพนม ประกอบอาชีพนวดแผนโบราณ หลังก่อเหตุกระโดดลงจากเรือข้ามฟากขณะเรือแล่นข้ามฟากจากด้านท่าน้ำนนทบุรี ไปยังท่าน้ำฝั่งบางศรีเมือง จมดิ่งกลางแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายเกิดความเครียดที่เข้าไปสมัครทำงานกดไลน์เพื่อหารายได้เสริม แล้วถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ลงทุน ก่อนใช้อุบายหลอกให้โอนเงินในช่วงวันที่ 5 -6 ก.ย. 67 รวม 8 ครั้ง จนหมดเกลี้ยงบัญชีกว่า 338,000 บาท โดยยอดเงินที่สูญเสียไปทั้งหมด เตรียมไว้ไปไถ่ถอนโฉนดที่ดินที่จำนองไว้ กระทั่งในช่วงเย็นของวันเดียวกันได้ตัดสินใจจบชีพต้วเอง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.2 นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.ซันมา อายุ 19 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ นายอุทัย อายุ 44 ปี ชาว จ.สระแก้ว และนายมาณพ อายุ 59 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 930,932,933/2567 ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน"
ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.2 นำหมายค้นศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ 158-160/2567 ลงวันที่ 6 กันยายน 2567 เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายในพื้นที่ จ.สระแก้ว จำนวน 3 จุด
จุดแรกเป็นบ้านสวนพื้นที่ ต.บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พร้อมจับกุม นายอัครเดช อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.952/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 และ น.ส.ศิวตา อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.956/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567
จุดที่ 2 บ้านในพื้นที่ ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายบุญโจม อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.953/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 น.ส.เกตุสุดา อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.954/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 และ น.ส.สุนารี อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.955/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567
จุดที่ 3 บ้านในพื้นที่ ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว พร้อมจับกุมตัว นายพิทวัส อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.931/2567 ลงวันที่ 26 กันยายน 2567
พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ กล่าวว่า จากการจับกุม 3 ผู้ต้องหาที่เปิดบัญชี และรับสแกนหน้าถอนเงินออกจากบัญชีของ น.ส.สุดารัตน์ ผู้เสียชีวิต ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ให้การว่ายังมรผู้กระทำความผิดในคดีนี้ ซึ่งเป็นขบวนการจัดหาบัญชีม้า และอำนวยความสะดวกในการเปิดบัญชีม้า และพบความสัมพันธ์ของกลุ่มผู้กระทำความผิด โดยมีการแบ่งหน้าที่ในการกระทำความผิด ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มได้อีก 5 รายตามที่รายงานไป
โดยเชื่อว่าสถานที่ทั้ง 3 จุด เป็นสถานที่สั่งการ อาจจะมีพยานหลักฐานเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับการเป็นธุระจัดหา บัญชีเงินฝาก และจาการสืบสวนพบว่าขบวนการนี้มีการแบ่งหน้าที่ต่างกันอย่างชัดเจน
ทั้งจัดหาคนที่ต้องการหารายได้จากการรับจ้างเปิดบัญชีม้า, ผลิต เปิดบัญชีออนไลน์กับธนาคารต่าง ๆ โดยใช้บัญชีเริ่มต้นจากบัญชีผู้ที่จัดหามาในตอนแรก และใช้แอพของทางธนาคาร กับโทรศัพท์เครื่องใหม่ โดยมีผู้รับจ้างเปิดบัญชีเป็นผู้สแกนหน้าและยืนยันตัวตน และเปิดตามออเดอร์ที่ได้รับมาจากนายทุนจีนว่าต้องการบัญชีแบบไหน จำนวนเท่าใด, นำส่ง เมื่อเปิดบัญชีหรือลงข้อมูลโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ดำเนินการจัดส่งโทรศัพท์ที่ทำขึ้นใหม่พร้อมตัวคนไปให้กับนายทุนจีนที่อยู่ฝั่งปอยเปต , บัญชีแบบสินทรัพย์ดิจิตอล จะจัดทำเพื่อข้ามดินแดนจากประเทศไทยไปแล้ว มีการแบ่งประเภทบัญชี 2 ประเภท 1.บัญชีที่ตายช้า 2. บัญชีที่ตายเร็ว
โดยจากการสืบสวนพบว่า นายอัครเดช และ น.ส.ศิวตา จะเป็นผู้พาคนขายบัญชีม้า เพื่อไปพบคอยแสกนหน้า, เปิดสินทรัพย์ดิจิตอล ฝั่งเพื่อนบ้าน โดยจะรับยอดมาจากบอสฝั่งเพื่อนบ้าน เพื่อให้บอส จัดส่งโทรศัพท์ให้ตามจำนวนของคนขายบัญชีม้า และมีนายหน้าจัดหาคนมาให้ตามที่ต้องการ โดยได้ส่วนแบ่ง นายหน้า ได้หัวละ 3,000 บาท คนขายบัญชีม้าได้บัญชีละ 2,500 บาท และถ้าคนขายบัญชีม้าคนไหนมีสมุดบัญชี(บัญชีตายช้า) จะได้บัญชีละ 8,000 บาท และ นายหน้าสามารถเปิดบัญชีที่เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดได้ ได้บัญชีละ 100,000 บาท โดยนายอัครเดช และ น.ส.ศิวตา จะพาข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้านและรับกลับมาประเทศไทย เมื่อบัญชีตาย โดยรับเป็นเงินสดตามยอดที่แจ้งไว้
และจากข้อมูลดังกล่าว จะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป เพ่่อตัดวงจรนายหน้าในการพาคนไทยไปเปิดบัญชีม้าที่เป็นต้นตอของการหลอกลวงประชาชนซึ่งการเปิดบัญชีม้าฯ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหยุดยั้งต้นตอการกระทำความผิดไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติต่อไป อย่างไรก็ตามสำหรับคดีนี้มีการออกหมายจับทั้งสิ้น 10 ราย จับได้แล้ว 9 ราย และอยู่ระหว่างติดตามตัวอีก 1 ราย