เหมือนหนังคนละม้วน “แสตมป์” ยันกับคู่กรณี ชู้จริง-ขู่จริง
เหมือนหนังคนละม้วน “แสตมป์” ยันกับคู่กรณี ชู้จริง-ขู่จริง
เหมือนหนังคนละม้วน! คู่กรณีแสตมป์ยืนยันกลางรายการดังว่าไม่ได้เป็นชู้ และไม่มีการคุกคามรวมถึง ไม่ได้ขู่หรือบลัฟเรื่องคดี 112 พร้อมกางไทม์ไลน์เล่าที่มาที่ไป ฝั่ง “แสตมป์” โฟนอินโต้เป็นชู้จริง จ้างเป็นสไตลิสท์เพื่อบังหน้า และถูกขู่จริงจนยอมถอนฟ้อง บอกต้องการแค่อีกฝ่ายยอมรับความจริงว่าเป็นชู้
(20 ม.ค. 68) จากดราม่าของ แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ที่ออกมาแฉเรื่องที่ภรรยาของตนชนะคดีทางศาล หลังถูกหญิงสาวรายหนึ่งติดตามคุกคามมานานเป็น 10 ปี ถูกใส่ร้ายกับเพื่อนร่วมวงการว่าภรรยาของตนเป็นบ้า ก่อนที่ชาวเน็ตจะพากันขุดคุ้ยจนสุดท้ายเช้านี้ แสตมป์ อภิวัชร์ ออกมายอมรับว่าเล่าข้อเท็จจริงไม่หมด และยอมรับว่าหญิงสาวคนดังกล่าวไม่ได้เป็นแค่แฟนคลับ แต่เป็นคนที่ตนมีเรื่องชู้สาวด้วย
ในรายการ “โหนกระแส” ทางช่อง 3HD วันนี้ มีการนำเสนอเรื่องราวดราม่าดังกล่าว โดย “แก๊ป” คู่กรณีของ แสตมป์ อภิวัชร์ มาร่วมรายการด้วย โดยแก๊ปยืนยีนว่า “แจม” แฟนสาวของตน และเป็นคู่กรณีโดยตรงกับ แสตมป์และภรรยา ไม่ได้เป็นชู้กับนักร้องชื่อดังตามที่เป็นข่าว
โดยเจ้าตัวไล่เรียงไทม์ไลน์ที่เกิดขึ้นว่า ตัวแจมนั้นเป็นแฟนคลับของแสตมป์มาตั้งแต่สมัยเรียน และมักจะไปดูคอนเสิร์ตของแสตมป์ตามที่ต่างๆ เสมอ ตัวแก๊ปเริ่มรู้จักกับแจมช่วงปลายปี 2562 ตอนนั้นยังไม่ได้คบหากัน จากนั้นช่วง ธ.ค. 2562 แสตมป์ได้เริ่มทักข้อความเข้ามาพูดคุยกับแจม มีการพูดคุยกันเรื่อยมา จนช่วงหลังจากแก๊ปและแจมคบกันช่วงปี 2564 แสตมป์ได้ชวนแจมไปทำงานเป็นสไตลิสท์ให้ และชวนตนผ่านแจมว่าให้ไปทำงานด้วย แต่ตนไม่ได้ไป
ตลอดเวลาที่แจมไปทำงานกับแสตมป์ ตนเชื่อว่าไม่ได้มีเรื่องเกินเลยอะไร เพราะตนก็ช่วยไปรับไปส่งแฟนสาวอยู่เสมอ ในระหว่างนั้นแสตมป์ก็เคยส่งข้อความมาคุยกับแฟนของตน ปรึกษาปัญหาหลายๆ อย่าง รวมถึงปัญหาครอบครัวที่มีกับภรรยาด้วย
ช่วงกลางปี 2565 ฝ่ายหญิงรู้สึกว่าแสตมป์พยายามเข้าหามากขึ้น จึงพยายามรักษาระยะห่าง และหลังจากมีคลิปที่แฟนคลับขอถ่ายรูปกับแจม ทางแสตมป์ก็ขอให้ไม่มาหน้างาน แต่มีการจ้างงานกันเป็นรายครั้ง ช่วงต้นปี 2566 แสตมป์พยายามติดต่อหรือถามหาแจมมากขึ้น มีกรณีที่แจมถูกหาว่ามีความสัมพันธ์เกินเลยกับแสตมป์ และมีกรณีที่ภรรยาของแสตมป์ติดต่อไปหาคุณแม่ และเพื่อนของแจม จน ปลาย ก.พ. 2566 แจมส่งงานครั้งสุดท้าย และออกจากตำแหน่งสไตลิสท์
ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะมีการเผชิญหน้ากันครั้งแรกที่งาน Pop Con 2023 ซึ่งฝั่งของแก๊ปกับแจมตั้งใจที่จะไปเคลียร์เรื่องที่ภรรยาของแสตมป์ได้ติดต่อแม่ของแจมไป เมื่อเจอหน้ากันก็เกิดเป็นการโต้เถียงกันเสียงดังเรื่องชู้สาว ก่อนที่จะถอยกันไปทั้ง 2 ฝั่ง
หลังจากนั้นพบว่าคนรอบตัวของแจม ถูกบัญชีไอจีของภรรยาแสตมป์กดติดตาม และยกเลิกติดตาม ซ้ำๆ รวมถึงตัวแก๊ปด้วย จึงได้แคปรูปแจ้งเตือนว่าถูกติดตามมาโพสต์ด่า ด้วยถ้อยคำที่แก๊ปบอกว่าเคยเห็นแสตมป์ใช้คำนี้ตอนเล่าถึงภรรยาให้แจมฟัง
กลางปี 2566 แก๊ปย้ายไปทำงานกับวงทิลลี่เบิร์ด และในงาน Octopop 2023 แก๊ปได้บังเอิญเจอกับแสตมป์และภรรยาเป็นครั้งที่ 2 โดยวันนั้นแก๊ปไปทำงาน และเดินอยู่บริเวณหลังเวทีที่เป็นที่พักของนักดนตรีและศิลปิน เพื่อทักทายคนที่รู้จัก ก่อนจะผ่านไปที่หน้าห้องพักของแสตมป์ และเกิดการกระทบกระทั่งกันอีกครั้ง
หลังงานนี้ แสตมป์โทรบอกทางวงและทางค่ายว่าขอไม่ร่วมงานด้วย หากยังมีแก๊ปอยู่ในวง ทำให้แก๊ปติดใจนัดพบผู้ใหญ่ที่นับถือเพื่อปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้น
กรณีของงาน Cat Expo ที่แสตมป์บอกยังเจอแก๊ปกับแจมในงาน แต่ตอนนั้นแก๊ปไปงานที่มาเลเซียกับวงทิลลี่เบิร์ด ส่วนแจมอยู่ที่คาเฟ่กับสตูดิโอ
ปลายปี 2566 มีกระบวนการฟ้องร้อง - พ.ค. 2567 คดียุติ แก๊ปกับแจมยืนยันว่าไม่ได้ไปตอแยอะไรอีกแล้ว แต่คู่กรณีเอาไปพูดเรื่องแก๊ปกับแจมแพ้คดี เอาไปบอกแบรนด์ที่แจมรับงานมา
ส่วนเรื่องที่ทางแสตมป์มีการกล่าวอ้างว่าแจมขึ้นเครื่องบินตาม, เครื่องคุณพ่อของแจมไปข่มขู่ที่บ้าน, และเรื่อง ขู่ใช้ ม.112 นั้น แก๊ประบุว่า เรื่องเหตุการณ์เจอกันบนเครื่องบินเกิดขึ้นปี 2563 ตอนนั้นเป็นช่วงที่แสตมป์ไปเล่นคอนเสิร์ตที่อุตรดิตถ์ แล้วแจมก็นั่งเครื่องไปลงพิษณุโลกเพื่อจะขับรถไปอุตรดิตถ์เพื่อไปดูคอนเสิร์ตแสตมป์เช่นกัน แจมซึ่งตอนนั้นเป็นแฟนคลับของแสตมป์ยังส่งข้อความมาเล่าให้ตนฟังอยู่เลยว่าบังเอิญเจอกับแสตมป์ โดยยืนยันว่าการจาองตั๋วเป็นการจองผ่านแอป บังเอิญได้ที่นั่งใกล้กันเฉยๆ และไฟลท์ไปพิษณุโลกมีไม่กี่ไฟลท์ต่อวัน การบังเอิญเจอกันไม่แปลก
เรื่องพ่อแจมไปบ้าน เพราะช่วงที่แจมสนิทกับแสตมป์ แสตมป์เคยส่งของขวัญมาให้หลานแจม พ่อแม่แจมก็อยากเอาของขวัญไปให้บ้านแสตมป์ ฝั่งแสตมป์เป็นคนส่งโลเคชั่นไปให้เอง ไปก็คุยกันปกติไม่ได้มีอะไร เรื่องแม่แจมตามไปดูคอนเสิร์ตก็เป็นฝั่งแสตมป์ชวนไป ตอนที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีอยู่
เรื่อง 112 แก๊ปบอกว่าตอนถูกฟ้อง แจมเอาโทรศัพท์ให้ทนายไปเช็กว่าคุยอะไรบ้าง โดยตัวแชตไลน์ทั้งก้อนเป็นสิ่งที่ฝั่งแจมจะใช้เป็นข้อต่อสู้เรื่องชู้ แต่ในนั้นมีข้อความส่วนที่อาจจะมีปัญหาเรื่อง 112 ซึ่งดึงออกจากแชตไลน์ไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นตัดต่อ แต่ยืนยันว่าไม่ได้จะแยกส่วนมาฟ้อง ไม่ได้เอาไปบลัฟ แก๊ปบอกไม่รู้ว่าทนายไปพูดอะไรมั้ย แต่ยืนยันว่าแก๊ป แจม พ่อแจม ไม่ได้เอาไปบลัฟ ไม่มีการส่งข้อความไปขู่ว่าจะเล่นเรื่องนี้
จากนั้นทางรายการได้ต่อสายคุยกับ แจม คู่กรณีฝ่ายหญิง ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แจมยืนยันว่าไม่ได้เป็นแฟน ไม่มีอะไรทั้งนั้น ที่เพื่อนของแสตมป์ออกมาเล่าต้องถามว่าคำว่าแฟนนั้นได้ยินมาจากไหน ส่วนเรื่องที่นั่งบนเครื่องบินไม่ใช่หน้าที่ของแจมที่จะไปหาว่ากราวด์คนนั้นเป็นใคร แต่ก็ยืนยันว่าไม่มีการล็อกที่นั่งให้ได้นั่งใกล้กันกับแสตมป์
ส่วนคำถามว่าถ้าไม่ได้เป็นชู้แล้วไปยอมจ่าย 1 ล้านบาททำไม แจมบอกเพราะมองว่าจ่ายแล้วจบ ก็ยอมจ่าย ตอนที่ขึ้นศาลก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่ชู้ หลังจากนี้ไม่ต้องการข้องเกี่ยวอีกแล้ว ยืนยันว่าไใ่เคยไปพูดกล่าวหากล่าวโทษอะไร เรื่องคลิปที่มีคนมาขอถ่ายรูปกับแสตมป์ที่เชียงใหม่ ตอนนั้นเป็นตอนที่ทำงานเป็นสไตลิสท์ให้แสตมป์แล้ว ก็ไปทำงานด้วยกัน
ทางด้านแสตมป์ อภิวัชร์ และภรรยา ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นก็ได้พูดคุยกับ “หนุ่ม กรรชัย” ผ่านทางโฟนอินเพื่อชี้แจงประเด็นในมุมของตนเองเช่นกัน
แสตมป์บอกว่า แจมไปโกหกแก๊ปว่าแสตมป์ไปตามจีบ สิ่งที่แสตมป์ต้องการคือให้แจมไปแก้ข่าว ให้ไปบอกคนอื่นรวมถึงแก๊ป ว่าแจมเป็นชู้จริง ไม่ใช่ให้คนคิดว่านิวเป็นบ้าที่ไปฟ้องแจม ภรรยาของแสตมป์บอกว่าวันสืบพยาน แจมให้พ่อขึ้นมาก่อนแจม พอศาลเรียกมาถามแจมบอกว่าไม่มีเงิน 10 ล้าน ตนเลยลดให้ แต่ขอให้แจมไปแก้ข่าวกับทุกคนว่าเป็นชู้จริงๆ เพราะตนโดนคนที่รู้จักของแจมมองไม่ดี และรู้สึกไม่ปลอดภัย
แสตมป์บอกอีกว่าแจมไม่ใช่สไตลิสท์ เป็นชู้สาวมาแต่แรก แสตมป์แค่เอามาเป็นสไตลิสท์เพื่อบังหน้าเฉยๆ
ฝั่งแสตมป์ยืนยันว่ามีการบลัฟเรื่อง 112 จริง บลัฟถึงภรรยาของแสตมป์ด้วย เป็นทนายฝั่งแจมที่มาขู่ จาก 3 คดีที่ฟ้องร้องกัน มี 2 คดีเป็นคดีที่แสตมป์เป็นโจทก์ อีก 1 ภรรยาเป็นโจทก์ แสตมป์บอกของตัวเอง ตัวเองถอนฟ้องเพราะกลัวติดคุก แต่คดีของภรรยา แสตมป์ไม่กล้าขอให้ถอย เพราะที่ผ่านมาก็ทำผิดกับภรรยาไปมากแล้ว จึงเดินหน้าคดีไป ให้แสตมป์ไปเสี่ยงเองถ้าอีกฝ่ายจะยกเรื่อ ม.112 มาเล่นจริงๆ
แสตมป์กับภรรยาบอกว่าที่ต้องการคือให้แก๊ปอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง ให้รู้ว่าแจมเป็นชู้จริง และยืนยันว่าที่ผ่านมารู้สึกไม่ปลอดภัยจริงๆ