เจ้าอาวาสวัดสามชุก มีคำสั่งขับพระปีนเสาพ้นจากวัด
เจ้าอาวาสวัดสามชุก มีคำสั่งขับพระปีนเสาพ้นจากวัด
เจ้าอาวาสวัดสามชุก มีคำสั่งขับพระปีนเสาพ้นจากวัด จี้ให้รีบนำหนังสือสุทธิมาย้ายชื่อออกจากสังกัดวัดสามชุกโดยเร็ว
(15 พ.ย.67) พระครูสุวรรณวิจิตร เจ้าอาวาสวัดสามชุก จ.สุพรรณบุรี ได้มีหนังสือแจ้งถึง พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตฺตธมฺโม หรือที่มักถูกเรียกว่า “พระปีนเสา” โดยระบุว่า ตามที่ ท่านได้มาขอเข้าสังกัดวัดสามชุก ตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 เมื่อทำหนังสือสุทธิเรียบร้อยแล้ว ท่านไม่เคยมาพักค้างอยู่จำวัด หรือจำพรรษาในวัดสามชุกเลย และไม่เคยบอกให้ทราบว่าไปทำกิจโดยอยู่ที่ไหน จวบจนกระทั่งเกิดปัญหา ออกสื่อไปทั่วโลกเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ผมได้มีหนังสือให้ท่านกลับไปที่วัด ท่านก็กลับไปในวันที่ 4 พฤศจิกายน เพียงระยะเวลาสั้นๆ ถ่ายคลิปเอาไปเป็นหลักฐานให้ตนเองว่ากลับไปตามที่มีหนังสือเรียกแล้ว โดยในวันนั้น ผมก็ได้แนะนำให้ยุติการกระทำที่ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดี ท่านก็รับปากว่าจะหยุด แต่วันที่ 5 พฤศจิกายน ท่านก็ไปยืนแถลงข่าวที่หน้ากองบังคับการตำรวจกองปราบปราม ตามที่ท่านทราบดีอยู่แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พระปีนเสาไฟ บุกแจ้งความกองปราบฯ เอาผิด ผอ.สำนักพุทธฯ หลวงพี่น้ำฝน
ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าอาวาสเจ้าสังกัด ก็ยังมีเมตตาได้มีหนังสือเลขที่ 42/2567 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 สั่งให้ท่านกลับไปอยู่ประจำที่วัดเช่นพระภิกษุผู้อยู่ในสังกัดรูปอื่นๆ ภายใน 7 วัน และมีคำสั่งห้าม 3 ข้อ แนะนำให้ปฏิบัติ 1 ข้อ พร้อมกับกำชับมาด้วยว่า หากไม่กลับหรือไม่เชื่อฟังคำสั่ง ไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาส ผมจะสั่งให้ท่านพ้นจากสังกัดวัดสามชุก แม้วันนี้จะยังไม่ครบ 7 วันตามเงื่อนไขแรก แต่ดูจากพฤติกรรมแล้ว ท่านไม่ได้ให้ความสำคัญกับการจะรีบกลับอยู่ที่วัด ยังคงเดินทางไปปรากฏตัวตามที่ต่างๆ และที่สำคัญ ท่านได้แสดงออกทางกายและวาจาผ่านสื่อโซเชียล ละเมิดข้อห้ามอย่างไม่สนใจในคำสั่งของผม อันแสดงให้เห็นว่าท่านไม่ให้ความสำคัญกับคำสั่งของเจ้าอาวาส จงใจจะฝ่าฝืนคำสั่ง
เมื่อเป็นดังนี้ จึงเท่ากับว่า ท่านเพียงขอเอาชื่อมาเข้าสังกัดไว้พอให้ได้ชื่อว่าเป็นพระมีสังกัด ส่วนท่านเองจะไปแสดงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรคณะสงฆ์ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะเสียหายร้ายแรงเสื่อมเสียเพียงใด ท่านก็ไม่สะทกสะท้าน แม้สังคมจะรุมประณามตำหนิติเตียนอย่างไร ท่านก็ไม่มีความละอาย ไม่มีสมสัญญาตามที่ควรเป็นเลยแม้แต่น้อย
ผลจากการกระทำของท่าน ทำให้ผมซึ่งเป็นเจ้าอาอาวาสเจ้าสังกัดของท่าน และผู้ปกครองตั้งแต่เจ้าคณะตำบลขึ้นไป และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพลอยถูกตำหนิติเตียนอย่างรุนแรงไปด้วย และเสี่ยงต่อการที่จะถูกร้องทุกข์กล่กล่าวโทษในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไปด้วย ด้วยเหตุผลดังกล่าวโดยย่อ โดยหนังสือฉบับนี้ ผมขออาศัยอำนาจตามความในมาตรา 38 (2) แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535
ความว่า "สั่งให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ ซึ่งไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาส ออกไปเสียจากวัด" ออกคำสั่งให้ท่านพ้นจากสังกัดวัดสามชุก ตำบลสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ทันที ที่ท่านได้อ่านหนังสือฉบับนี้ ไม่ว่าจะโดยทางช่องใดก็ตาม เนื่องจากผมไม่สามารถส่งเอกสารไปให้ท่านได้ เพราะท่านไม่เคยบอก และไม่เคยให้ที่อยู่สำหรับการติดต่อส่งเอกสาร
แม้โดยหนังสือฉบับนี้ จะถือได้ว่าท่านได้พ้นจากสังกัดมิใช่เป็นพระภิกษุ ผู้อยู่ในสังกัดวัดสามชุกแล้วก็ตาม แต่เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบมหาเถรสมาคม ให้ท่านรีบนำหนังสือสุทธิมาย้ายชื่อออกจากสังกัดวัดสามชุกโดยเร็ว จึงเรียนมาเพื่อทราบและให้ถือปฏิบัติตามทันที