"ว่านจักจั่น"ทำพิษเกือบตายยกครัว แพทย์เตือนห้ามกินอันตรายไม่มียาล้างพิษ

"ว่านจักจั่น"ทำพิษเกือบตายยกครัว แพทย์เตือนห้ามกินอันตรายไม่มียาล้างพิษ

22728 มี.ค. 67 18:11   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

"ว่านจักจั่น"ทำพิษเกือบตายยกครัว แพทย์เตือนห้ามกินอันตรายไม่มียาล้างพิษ ขณะที่ชาวบ้านเชื่อสรรพคุณคล้ายถังเช่าทิเบต

(28มี.ค.67) จากกรณีที่นายเอ(นามสมมติ) อายุ 60 ปี ชาวบ้านโฮ่งหลวง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ได้พบว่านจักจั่นในสวนลำไย จึงเก็บมาตำน้ำพริกกินกับข้าว โดยให้ภรรยาทำน้ำพริก หลังจากนั้นได้พากันกินกันทั้งครอบครัวทั้งนายเอ , ภรรยา และน้องภรรยา พากันกินข้าวในช่วงสายของวันที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา แต่ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง เกิดอาการปวดท้อง ปวดหัวอาเจียนอย่างรุนแรง เพื่อนบ้านจึงพากันช่วยนำส่งโรงพยาบาลบ้านโฮ่ง เพื่อทำการล้างท้อง แต่เนื่องจากทั้ง 3 รายอาการหนักเจ้าหน้าที่จึงส่งต่อไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลลำพูน


ล่าสุดอาการของสามีอาการปลอดภัยได้ส่งตัวจากโรงพยาบาลลำพูนมาพักรักษาอาการที่โรงพยาบาลบ้านโฮ่ง ส่วนภรรยาและน้องภรรยา อาการยังสาหัสรักษาตัวรอดูอาการที่โรงพยาบาลลำพูน 

   

ด้าน นายแพทย์คะนอง ถนอมสัตย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านโฮ่ง กล่าวว่า ขณะนี้อาการของคนไข้ถือว่าอยู่ในขั้นปลอดภัย เฝ้ารอดูอาการอย่างใกล้ชิดคือสามี ส่วนอีก 2 ราย อาการยังสาหัสยังรักษาอาการอยู่ที่โรงพยาบาลลำพูน


นายแพทย์คะนอง กล่าวเตือนภัยแก่ประชาชนที่นิยมนำว่านจักจั่นมาทำอาหารกินว่า มันเป็นการลอกคลาบแล้วตกอยู่ในดินจึงมีเชื้อราที่เจริญเติบโตเป็นตัวเชื้อราอยู่บนหัวของจักจั่นเป็นอันตรายอย่างมาก เพราะว่านจักจั่นที่ตายนั้นเป็นเชื้อรา มีความเป็นพิษ พิษไม่ได้ถูกทำลายแม้จะผ่านความร้อนก็ตาม ไม่มียาล้างพิษ ไม่แนะนำให้กิน 


"ส่วนที่กินได้คือตัวอ่อนจักจั่นเท่านั้น ซึ่งชาวบ้านมักจะมีความเชื่อเรื่องของการกินว่านจักจั่นว่ามีสรรพคุณคล้าย ๆ กับถังเช่าทิเบต บ้างก็นำมาทำเป็นเครื่องรางของขลัง จึงไม่ควรที่จะนำมากิน" นายแพทย์คะนอง กล่าว

  

ขณะที่ เพื่อนบ้านที่อยู่บ้านติดกัน กล่าวว่า ผู้ป่วยได้เรียกหลานมารับไปส่งโรงพยาบาล ตอนเข้าไปตอนแรกพบว่าอาการมือเท้าชาปากเกร็ง จึงช่วยพยุงนำขึ้นรถส่งโรงพยาบาล ทราบเบื้องต้นว่าได้กินข้าวกับน้ำพริกว่านจักจั่นเข้าไปประมาณ 1 ชั่วโมงมีอาการอ้วกท้องเสียอย่างรุนแรง  


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง