‘ทำงาน 8 ชั่วโมง’ สิทธิแรงงานที่แลกมาด้วยคราบเลือดและชีวิตที่ ‘เฮย์มาร์เก็ต’

‘ทำงาน 8 ชั่วโมง’ สิทธิแรงงานที่แลกมาด้วยคราบเลือดและชีวิตที่ ‘เฮย์มาร์เก็ต’

140701 พ.ค. 68 19:29   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

จากเสียงระเบิดสู่สิทธิแรงงาน ย้อนรอย “การสังหารหมู่เฮย์มาร์เก็ต” จุดเปลี่ยนสำคัญของการเรียกร้องการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน และที่มาของวันแรงงานสากล 1 พฤษภาคม

ในประวัติศาสตร์ของสิทธิแรงงาน ไม่มีสิทธิไหนที่ได้มาโดยปราศจากการลุกขึ้นสู้ของตัวแรงงานเอง ไม่ว่าจะเรื่องสภาพการจ้างงาน ความปลอดภัยในการทำงาน เรื่องค่าแรงเท่าเทียมระหว่างแรงงานชายและหญิง สิทธิการลาคลอดและลาเลี้ยงบุตร รวมไปถึง สิ่งที่จะทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ที่เราเห็นเป็นเรื่องปกติในทุกวันนี้ ก็เป็นเรื่องที่แรงงานเมื่อกว่า 100 ปีก่อน ใช้ชีวิตเข้าแลกเพื่อเรียกร้องมาเช่นเดียวกัน และการเรียกร้องเรื่องเวลาทำงานนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของการนับเอาวันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันแรงงานสากล


ชนวนเหตุแห่งความขัดแย้ง: การนัดหยุดงานครั้งใหญ่และการชุมนุมอย่างสันติ


ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 สภาพการทำงานในสหรัฐอเมริกานั้นเลวร้ายเกินทน คนงานต้องเผชิญกับการทำงานหนักเกินกำลัง ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานถึง 10-12 ชั่วโมงต่อวัน ทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ ได้หยุดงานเพียงวันเดียวคือวันอาทิตย์ ค่าแรงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน และสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่ปลอดภัย ทำให้เกิดความไม่พอใจและการรวมตัวของขบวนการแรงงานเพื่อเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐาน หนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญคือการจำกัดชั่วโมงการทำงานให้เหลือเพียง 8 ชั่วโมงต่อวัน


ในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1886 ขบวนการแรงงานทั่วสหรัฐอเมริกาได้นัดหยุดงานครั้งใหญ่ เพื่อกดดันให้นายจ้างและรัฐบาลตอบสนองต่อข้อเรียกร้องดังกล่าว หัวหอกของการนัดหยุดงานนี้คือ องค์กร The International Working People’s Association (IWPA) องค์กรแรงงานในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ที่มีคนงานหลายหมื่นเข้าร่วมการประท้วง การนัดหยุดงานครั้งนี้มีข้อเรียกร้องหลักคือให้แบ่งเวลาใน 1 วันเป็น 3 ช่วง เรียกว่าระบบ 8-8-8 กล่าวคือ ทำงาน 8 ชั่วโมง เอาเวลาไปทำกิจกรรมสันทนาการอื่นๆ 8 ชั่วโมง และนอนหลับพักผ่อน 8 ชั่วโมง


เสียงระเบิดที่เปลี่ยนทุกสิ่ง: ความรุนแรงและการปราบปราม


การชุมนุมดำเนินมาอย่างสันติ แต่ในวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ.1886 เกิดเหตุตำรวจยิงใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่โรงงานแมคคอร์มิค ฮาร์เวสเตอร์ และเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้มีแรงงาน 2 คนเสียชีวิต


เช้าวันรุ่งขึ้น 4 พฤษภาคม ค.ศ. 1886 กลุ่มแรงงานได้จัดการชุมนุมอีกครั้งที่จัตุรัสเฮย์มาร์เก็ต เพื่อประท้วงการกระทำของตำรวจที่โรงงานแมคคอร์มิค ฮาร์เวสเตอร์ การชุมนุมดำเนินไปอย่างสงบในช่วงแรก แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีผู้ขว้างระเบิดใส่กลุ่มตำรวจที่กำลังเข้ามาสลายการชุมนุม แรงระเบิดส่งผลให้มีตำรวจเสียชีวิต 7 นาย บาดเจ็บอีกจำนวนมาก ซึ่งฝั่งตำรวจได้โต้ตอบด้วยการใช้กระสุนจริง สุดท้ายมีรายงานว่านอกจากฝั่งเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตแล้ว ยังมีพลเรือนเสียชีวิตอีกราว 4-8 ราย บาดเจ็บอีกหลายสิบราย


เหตุการณ์ระเบิดที่เฮย์มาร์เก็ตได้พลิกสถานการณ์จากการเรียกร้องสิทธิแรงงานอย่างสันติ กลายเป็นการปราบปรามอย่างรุนแรงต่อขบวนการแรงงาน รัฐบาลและนายจ้างใช้โอกาสนี้ในการกล่าวหาว่าขบวนการแรงงานเป็นพวกอนาธิปไตยและก่อความไม่สงบ มีการจับกุมผู้นำแรงงานและนักเคลื่อนไหวหลายสิบคน โดยปราศจากหลักฐานที่ชัดเจน


การพิจารณาคดีที่เต็มไปด้วยข้อกังขา: ความอยุติธรรมและการเสียสละ


การพิจารณาคดีผู้นำแรงงาน 8 คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการวางระเบิด เต็มไปด้วยความไม่ชอบมาพากลและอคติ ผู้ถูกกล่าวหาส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุขณะเกิดระเบิด และไม่มีหลักฐานที่เชื่อมโยงพวกเขาโดยตรงกับการกระทำดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสความหวาดกลัวและความต้องการที่จะปราบปรามขบวนการแรงงาน ศาลได้ตัดสินประหารชีวิต 7 ผู้นำแรงงาน 7 คน และให้จำคุกอีกคนที่เหลือ


แม้จะมีการประท้วงและการเรียกร้องความยุติธรรมจากทั่วโลก แต่ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1887 ผู้นำแรงงาน 4 คน ได้แก่ อัลเบิร์ต พาร์สันส์ (Albert Parsons), ออกัสต์ สไปส์ (August Spies), อดอล์ฟ ฟิสเชอร์ (Adolph Fischer) และ จอร์จ เองเจิล (George Engel) ได้ถูกประหารชีวิตอย่างอยุติธรรม และหลุยส์ ลิงก์(Louis Lingg) จบชีวิตตัวเองในเรือนจำการเสียสละชีวิตของพวกเขาได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อสิทธิแรงงานและความยุติธรรมทางสังคม


สำหรับอีก 3 คนคือ ไมเคิล ชวาบ(Michael Schwab), ออสการ์ นีบ(Oscar Neebe), และซามูเอล ฟีลเด็น(Samuel Fielden) ในปี 1893 ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ จอห์น ปีเตอร์ อัลท์เกลด์ ได้รับคำร้องจากทนายความแคลเรนซ์ ดาร์โรว์ และคนอื่นๆ ให้ลดหย่อนโทษจำเลยที่เหลือรอดชีวิต 3 คน หลังจากศึกษาบันทึกคดี อัลท์เกลด์สรุปว่าจำเลยไม่ได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม เนื่องจากผู้พิพากษามีอคติ คณะลูกขุนถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ของฝ่ายโจทก์ และหลักฐานส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้น การตัดสินใจของเขาในการออกคำสั่งนิรโทษกรรมถูกประณามอย่างกว้างขวางจากกลุ่มอุตสาหกรรมและสื่ออนุรักษ์นิยม แต่ได้รับการยกย่องจากนักปฏิรูปแรงงาน


มรดกจากเฮย์มาร์เก็ต: จุดกำเนิดวันแรงงานสากลและการทำงาน 8 ชั่วโมง


ถึงแม้เหตุการณ์ที่เฮย์มาร์เก็ตจะจบลงด้วยความสูญเสียและความอยุติธรรม แต่ผลกระทบของมันกลับยิ่งใหญ่และยาวนาน การสังหารหมู่และการพิจารณาคดีที่เต็มไปด้วยข้อกังขาได้จุดประกายความเห็นอกเห็นใจและความสนับสนุนต่อขบวนการแรงงานจากทั่วโลก


ในปี ค.ศ. 1889 สมัชชาสากลที่ 2 (Second International) ได้ประกาศให้วันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี เป็น วันแรงงานสากล (International Workers' Day หรือ May Day) เพื่อรำลึกถึงการต่อสู้ของคนงานในชิคาโกและการเรียกร้องสิทธิในการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน วันแรงงานสากลได้กลายเป็นวันสำคัญที่คนงานทั่วโลกออกมาเฉลิมฉลองและเรียกร้องสิทธิของตนเอง


และท้ายที่สุดระบบการทำงานแบบ 8-8-8 หรือการจำกัดชั่วโมงการทำงานปกติที่วันละ 8 ชั่วโมง ก็ได้รับการยอมรับในหลายประเทศ มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อจำกัดชั่วโมงการทำงาน และการกำหนดค่าแรงที่เป็นธรรมตามมาในภายหลัง


บทเรียนที่ยังคงอยู่: ความสำคัญของการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม


เหตุการณ์การสังหารหมู่เฮย์มาร์เก็ตเป็นเครื่องเตือนใจอันเจ็บปวดถึงความอยุติธรรมและความรุนแรงที่คนงานต้องเผชิญในการเรียกร้องสิทธิของตนเอง มันยังเป็นอนุสรณ์ถึงความกล้าหาญและการเสียสละ และตอกย้ำถึงความสำคัญของการรวมพลัง การเรียกร้องความเป็นธรรม และการยืนหยัดเพื่อสิทธิขั้นพื้นฐานของคนทำงานทุกคน เพื่อสภาพการทำงานที่ดีขึ้นและชีวิตที่มีศักดิ์ศรี


ในปัจจุบัน ที่โลกของการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว บทเรียนจากเฮย์มาร์เก็ตยังคงมีความสำคัญ การเรียกร้องสิทธิแรงงานในรูปแบบใหม่ๆ ยังคงเกิดขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าคนทำงานทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม มีสภาพการทำงานที่ปลอดภัย และได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม การรำลึกถึงเหตุการณ์เฮย์มาร์เก็ตจึงเป็นการตอกย้ำว่าการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมนั้นไม่มีวันสิ้นสุด และเป็นหน้าที่ของทุกคนในสังคมที่จะร่วมกันสร้างโลกของการทำงานที่ดีขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไป


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat