สภาลูกจ้างยื่น 9 ข้อเรียกร้องวันแรงงาน 2568 เพื่อคืนสิทธิที่ควรได้
สภาลูกจ้างยื่น 9 ข้อเรียกร้องวันแรงงาน 2568 เพื่อคืนสิทธิที่ควรได้

สภาลูกจ้างเปิด 9 ข้อเรียกร้อง วันแรงงา 2568 จี้รัฐเร่งตั้งกองทุนประกันความเสี่ยง หยุดปัญหาถูกเลิกจ้างแต่ไม่ได้เงินชดเชย
(เรียบเรียงโดย กัญญาณัฐ อาศัย)
เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 นายพนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย เปิดเผยข้อเรียกร้องเนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ปี 2568 ว่า กลุ่มแรงงานจะยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลรวม 9 ข้อ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นข้อเรียกร้องเดิมที่ยังไม่ได้รับการดำเนินการจากปี 2567 โดยเฉพาะข้อเรียกร้องสำคัญที่สุดคือ การจัดตั้ง “กองทุนประกันความเสี่ยง” เพื่อคุ้มครองลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างแล้วไม่ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมาย
โดยยกตัวอย่างกรณี บริษัท ยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นตัวอย่างชัดเจนของปัญหาที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างและไม่ได้รับเงินชดเชย ซึ่งมีมูลค่ารวมสูงถึง 400 ล้านบาท หากมีการจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยง ลูกจ้างเหล่านี้จะได้รับการคุ้มครอง
ทั้งนี้ กลุ่มแรงงานเสนอว่า การจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยงสามารถทำได้โดยการแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ให้มีความเข้มแข็งและชัดเจนมากขึ้น โดยเสนอให้นายจ้างเป็นผู้จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน แต่ไม่ใช่การจ่ายตลอดไป เพียงแต่จ่ายให้ครบตามจำนวนวันที่กฎหมายกำหนดให้จ่ายเงินชดเชยกรณีเลิกจ้าง เช่น 400 วัน หากจ่ายครบแล้วก็ถือว่าหมดหน้าที่
ซึ่งสอดคล้องกับ มาตรา 118 ของ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ที่กำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายเงินชดเชยเมื่อลูกจ้างถูกเลิกจ้างอยู่แล้ว เพียงแต่นำมาจัดการในรูปแบบของกองทุน เพื่อให้ลูกจ้างได้รับสิทธิชดเชยแน่นอน แม้กิจการจะปิดตัวลงหรือมีปัญหาทางการเงิน
การจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยงก็เปรียบเสมือนการแยกเงินบางส่วนจากนายจ้างไว้ในกองทุน เพื่อเป็นหลักประกันให้กับลูกจ้างในกรณีที่ถูกเลิกจ้าง หากไม่มีมาตรการนี้ นายจ้างบางรายอาจตั้งงบประมาณผลประโยชน์พนักงานไว้ล่วงหน้าเพียงในเอกสาร แต่เมื่อกิจการล้ม นายจ้างก็อาจหอบเงินหนีไป ทำให้ลูกจ้างไม่ได้รับสิทธิตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม การผลักดันให้แก้กฎหมายเพื่อจัดตั้งกองทุนนี้ ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจถูกต่อต้านจากกลุ่มทุนที่ไม่เห็นด้วย
สำหรับข้อเรียกร้องในปี 2568 ที่ให้แก้ไขกฎกระทรวงฉบับที่ 7 เพื่อให้ลูกจ้างรายเดือนที่ทำงานล่วงเวลา ได้รับค่าล่วงเวลา (โอที) ในอัตรา 1.5 เท่า เท่าเทียมกับลูกจ้างรายวันนั้น ทางกระทรวงแรงงานรับปากว่าจะดำเนินการให้เสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2568 นี้
9 ข้อเรียกร้องวันแรงงานแห่งชาติ ปี 2568
- ขอให้รัฐบาลเร่งรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 87 และ 98 ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพในการรวมตัวและการเจรจาต่อรองของแรงงาน
- ขอให้ตรากฎหมายหรือออกกฎกระทรวงจัดตั้ง “กองทุนประกันความเสี่ยง” เพื่อเป็นหลักประกันในการทำงานของลูกจ้าง
- ขอยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินชดเชย กรณีพ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง ทั้งจากภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ ในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท
- ขอให้พนักงานรัฐวิสาหกิจสามารถเข้าระบบประกันสังคมได้ เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองทางสังคมอย่างเป็นธรรม
- ขอให้มีการปรับปรุงระบบประกันสังคม เช่น รับเงินบำนาญให้ไม่น้อยกว่า 5,000 บาท, ใช้ฐานเงินเดือนเดิมจาก มาตรา 33 มาคำนวณต่อใน มาตรา 39, คงสิทธิรักษาพยาบาลตลอดชีวิต, ครอบคลุมการใช้ยารักษาโรคร้ายแรง, ขยายอายุผู้สมัครประกันตนได้ถึง 70 ปี
- ขอให้กระทรวงแรงงานดำเนินการให้สถานประกอบการที่มีลูกจ้างเหมาค่าแรง ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 11/1 อย่างเคร่งครัด
- เสนอให้ยกระดับ “กองความปลอดภัยแรงงาน” เป็น “กรมความปลอดภัยแรงงาน” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลความปลอดภัยในสถานประกอบการ
- ขอให้แก้ไขกฎกระทรวงที่ตัดสิทธิค่าล่วงเวลาลูกจ้างรายเดือน ให้ได้รับค่าล่วงเวลา 1.5 เท่า เท่าเทียมกับลูกจ้างรายวัน (กระทรวงแรงงานรับปากว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2568)
- ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานแต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อติดตามข้อเรียกร้องวันแรงงานแห่งชาติ ปี 2568