ตร.อุดรฯ ยิงสยบหนุ่มเสพยาคลั่งดับคาบ้าน หลังอาละวาดจะข่มขืนพี่สาว

ตร.อุดรฯ ยิงสยบหนุ่มเสพยาคลั่งดับคาบ้าน หลังอาละวาดจะข่มขืนพี่สาว

184817 ก.ย. 67 20:04   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

หนุ่มเสพยาบ้า 18 เม็ด คลั่งอาละวาด-หวังข่มขืนพี่สาว ใช้มีดฟันสู้ตำรวจ สุดท้ายถูกยิงสยบเสียชีวิต

(17 ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนางประครอง อายุ 57 ปี หลังเกิดเหตุ นายกฤษณะ อายุ 28 ปี ลูกชายเสพยาบ้าคลุ้มคลั่งอาละวาด พยายามจะบุกเข้าไปข่มขืนพี่สาวตัวเองภายในบ้าน จึงไปแจ้งตำรวจ สภ.วังสามหมอ ให้มาช่วยระงับเหตุ แต่นายกฤษณะไม่ยอมวางอาวุธมีด และมอบตัว แต่กลับใช้มีดฟันสู้ ตำรวจจึงใช้กระสุนยางยิงแต่หยุดนายกฤษณะไม่ได้ และไม่ยอมหยุดปรี่เข้าหาตำรวจ จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนลูกซองยิงสกัดไป 1 นัด กระสุนลูกปราย 6 เม็ด เข้าฝังในทรวงอก ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนนำส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดเวลา 16.40-19.30 น. วันที่ 15 กันยายน 2567 ใช้เวลาระงับเหตุเกือบ 3 ชั่วโมง


นางประครอง เล่าว่า ตนมีอาชีพรับจ้าง แยกทางกับสามีตั้งแต่ลูกทั้ง 3 คนยังเด็ก ตนทำงานเลี้ยงลูกคนเดียวตามลำพัง คนโตและคนกลางเป็นผู้หญิง ส่วนคนเล็กเป็นผู้ชายชื่อนายกฤษณะ ซึ่งเกเรเสพติดยาบ้าตั้งแต่อายุ 18 ปี ต่อมาได้ก่อเหตุข่มขืนเด็กหญิงอายุ 13 ปี ถูกจับติดคุก 8 ปี เพิ่งพ้นโทษออกมา 2-3 เดือน เมื่อพ้นโทษออกมาก็ไม่ยอมทำงาน จะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน และหันมาเสพยาบ้าอย่างหนัก พอเมาได้ที่ก็จะอาละวาด พี่สาวคนกลางต้องหนีไปเช่าบ้านอยู่ตามลำพัง และเคยพานายกฤษณะไปอยู่ด้วย แต่เขาจะข่มขืนพี่สาว จึงไล่กลับมาอยู่บ้าน นายกฤษณะมักจะลับมีดคมๆ นำมาถือประจำ ตนกลัวจนต้องไปขอนอนบ้านญาติพี่น้อง 


นางประครอง เล่าต่อว่า เย็นวันเกิดเหตุนายกฤษณะเสพยาบ้า 18 เม็ด แล้วอาละวาดหนัก ถือมีดยาวประมาณ 50 ซม. ใช้ก้อนหินขว้างปาบ้านพี่สาวซึ่งอยู่ใกล้กัน และขว้างปาก้อนหินใส่ชาวบ้านที่ผ่านไปมา และจะเข้าไปข่มขืนพี่สาวคนโตในบ้านอีก แต่พี่สาวปิดประตูบ้านได้ทัน ตนเกรงว่าลูกสาวจะได้รับอันตราย จึงแจ้งตำรวจมาระงับเหตุ เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน พบนายกฤษณะถือมีดหลบอยู่บนบ้าน ตำรวจเจรจาให้วางอาวุธมีด และลงมามอบตัว แต่นายกฤษณะไม่ยอมมอบตัว และเข้าต่อสู้ตำรวจ จึงถูกตำรวจยิงเสียชีวิต


“ตั้งแต่ลูกชายพ้นโทษออกมา ตนไม่ได้นอนบ้านเลย เพราะกลัวลูกทำร้าย แต่ยอมรับว่าเสียใจที่ลูกชายเสียชีวิต แต่ตนก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และไม่คิดว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ไม่ติดใจการเสียชีวิต ครั้งแรกจะมอบศพให้มูลนิธิฯ เพราะไม่มีเงินฌาปนกิจเพราะฐานะทางบ้านยากจน แต่สงสารลูกจึงจะไปรับศพมาประกอบพิธีทางศาสนา และอยากบอกดวงวิญญาณลูกชายว่า ให้ไปดีสมสุข ไปเกิดที่ร่ำรวย และไม่สูบยาบ้าอีก”


ส่วนนางดอกแก้ว อายุ 34 ปี พี่สาวคนโต นายกฤษณะ เล่าว่า นายกฤษณะน้องชายเสพยาบ้าอาละวาดมาตลอด ตนอยู่บ้านหลังนี้ ส่วนน้องชายจะอยู่บ้านติดกันกับแม่ แต่น้องเมายาอาละวาดหนักแม่ก็จะหนีไปนอนอยู่บ้านญาติ ตนเคยโดนน้องขว้างปาก้อนหินใส่จนได้รับบาดเจ็บ ส่วนน้องสาวตนก็ไปเช่าบ้านอยู่คนเดียว ตนจะเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว เป็นคนให้เงินน้องชายใช้สัปดาห์ละ 500 บาท แต่ตนพูดมากไม่ได้ เพราะกลัวน้องชายจะทำร้าย วันเกิดเหตุน้องชายอาละวาดหนัก ถือมีดจะบุกเข้ามาหาตน แต่ตนปิดประตูเอาไว้ทัน แม่กลัวว่าตนจะถูกน้องทำร้าย จึงไปแจ้งตำรวจมาระงับเหตุ แต่น้องชายเสียชีวิตก็รู้สึกสงสาร 


ส่วนนายไพร๊อต วงศ์สำแดง ผญบ.บ้านโนนผักหอม เปิดเผยว่า นายกฤษณะมีพฤติกรรมเสพยาบ้า เคยก่อคดีข่มขืนเด็ก ติดคุก 8 ปี พ้นโทษออกมาก็จะไม่สุงสิงกับใคร แต่หันมาเสพยาบ้าอย่าหนัก และเคยนำตัวไปบำบัดแล้ว แต่ก็หวนกลับมาเสพอีก วันเกิดเหตุนางประครองไปแจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุ เพราะนายกฤษณะอาละวาดขว้างปาก้อนหินใส่บ้านพี่สาว พอตำรวจมาก็ไม่ยอมวางอาวุธและมอบตัว จึงถูกตำรวจวิสามัญยิงเสียชีวิต ตั้งแต่พ้นโทษออกมา นายกฤษณะไม่ไปสุงสิงกับชาวบ้าน แต่จะอาละวาดทำร้ายคนในบ้านประจำ ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลอันตราย เป็นภัยสังคม 


พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังตำรวจได้รับแจ้งเหตุ ก็ได้นำกำลังสายตรวจและสืบสวนประมาณ 10 กว่านาย พร้อมด้วยไม้ง่ามออกไประงับเหตุ เพราะนายกฤษณะมีเป็นบุคคลอันตราย มีประวัติข่มขืน และเสพยาบ้าอาละวาดประจำ เคยก่อเหตุพยายามจะข่มขืนพี่สาวทั้งสองคน เมื่อไปถึงก็ใช้ยุทธวิธีตำรวจตามขั้นตอน ครั้งแรกใช้การเจรจาก่อน ตั้งแต่ 16.40 น. ก็ไม่ยอมวางอาวุธและมอบตัว จึงใช้สเปรย์พริกไทยฉีดเข้าไปในห้อง ก็ยังไม่ยอมมอบตัวอีก ผ่านไปหลายชั่วโมงจนมืดค่ำ ตำรวจจึงตัดสินใจปีนบันไดขึ้นไป พอตำรวจโผล่ขึ้นไปนายกฤษณะได้ใช้มีดฟัน ตำรวจจึงใช้ไม้ง่ามรับเอาไว้ ครั้งแรกตำรวจใช้กระสุนยางยิงสกัด


“แต่กระสุนยางเอานายกฤษณะไม่อยู่ ยังถือมีดวิ่งเข้าใส่ตำรวจ เมื่อจวนตัวตำรวจจึงตัดสินใจยิงด้วยกระสุนจริง โดนหน้าอกล้มลง แล้วรีบนำตัวนายกฤษณะส่ง รพ. และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งจากการชันสูตรพบกระสุนลูกปรายทะลุหัวใจ 1 นัด ส่วนแม่และญาติไม่ได้ติดใจในการเสียชีวิต เพราะเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง และได้ตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวน เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป”


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง