หนุ่มบุกต่อย ส.ต.ท. นำรถบัสนักเรียน ก่อนเตะกระจกรถหัก เหตุเบรกกะทันหัน

จากกรณีเพจดัง เจ้ม้อย V+ โพสต์เรื่องราวในโลกออนไลน์ว่า " ตำรวจนำรถบัสนักเรียนแล้วตำรวจหักรถกะทันหัน มอเตอร์ไซค์ที่กำลังขับมาเบรกและชนกันเอง แล้วตำรวจก็จะขับรถไปต่อ คนขับรถเลยขับตามไปแล้วคุยกับตำรวจ ทางตำรวจบอกมีคลิปพอถอนเมมก็ไม่เจออะไรเลย ทางคนขับมอเตอร์ไซค์โมโหจึงต่อยตำรวจ และพังรถตำรวจ โดยยอมรับผิดในส่วนที่ทำร้ายตำรวจ ส่วนคนขับจยย.รถพังบาดเจ็บที่หัวเข่าจริงเท็จอย่างไรรอดูต่อไป" 

(3 ต.ค.67) ที่สภ.เมืองนนทบุรี ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามเรื่องราว จากพ.ต.ท.ฐิติปกรณ์ คุ้มปานอินทร์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนนทบุรี เจ้าของคดีหนุ่มทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ

โดย พ.ต.ท.ฐิติปกรณ์ กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ ช่วง 14.00 น.ของวันที่ 2 ตุลาคม 67 ผู้ที่ถูกทำลายและได้รับบาดเจ็บคือ ส.ต.ท.วิโรดม ได้เข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนว่า ถูกนายสหภาพ ทำร้ายร่างกายชกต่อย และทำลายทรัพย์สินรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ เหตุเกิดในลานจอดรถโรงเรียนสตรีนนทบุรี ถนนพิบูลสงคราม ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองจังหวัดนนทบุรี 

ซึ่ง ส.ต.ท.วิโรดม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในตำรวจนครบาลได้ทำหน้าที่ขับรถนำรถบัสจำนวน 8 คันของนักเรียนโรงเรียนสตรีนนท์กลับจากทัศนศึกษา ที่จังหวัดสระบุรี ระหว่างที่ขับมาถึงถนนประชานุกูลเขต สน.ประชาชื่น ได้หักรถเปลี่ยนเลนกะทันหัน ทำให้มอเตอร์ไซค์ที่ตามหลังกันมาชนกันจนเกิดอุบัติเหตุ ก่อนที่คนขับรถมอเตอร์ไซค์ Honda คือนายสหภาพ ได้ตรงเข้ามาด่าทอต่อว่า ส.ต.ท.วิโรดม ตามที่ปรากฏในภาพก่อนจะทำร้ายร่างกายชกต่อยเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ และยังไม่หนำใจใช้เท้าเตะรถเตะกระจกรถจนได้รับความเสียหาย ตามที่ปรากฏภาพในคลิป 

ในส่วนของคดีอุบัติเหตุนั้น เรื่องของรถชนเป็นคดีอยู่ที่ สน.ประชาชื่น ส่วนคดีทำร้ายร่างกาย ทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุและลงประจำวันไว้แล้วเมื่อเวลา 16.00 น. ของวันเกิดเหตุ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นัดหมายให้นายสหภาพ เดินทางมาพบที่สภ.เมืองนนทบุรี ในช่วงเย็นวันนี้ เพื่อสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นและจะดำเนินคดีตามกฎหมาย 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนสตรีนนทบุรี จุดเกิดเหตุทาง พบหัวหน้ารปภ. กล่าวว่า รถเจ้าหน้าที่ตำรวจนำขบวนมา มีรถโบลท์มาส่งนักศึกษาคนขับรถโบลท์หาว่าตำรวจเป็นผู้ก่อเหตุทำให้รถเฉี่ยวชน แล้วขับตามกันมาหน้าโรงเรียนวัดเขมาภิตาราม ตนสกัดทั้งสองคนไม่ให้เข้ามาในโรงเรียน ตนถามว่ามีเรื่องอะไรกัน 2 คนไม่บอกลงมาเคลียร์กัน แต่เคลียร์ไม่ลงตัว เกิดต่อยกันตำรวจไม่สู้ ทางคนขับรถโบลท์ ต่อยหน้าตำรวจ และเตะกระจกรถตำรวจ ตนช่วยกันห้าม ทั้งสองคนขับรถตามกันไปที่สภ. เพื่อไปเคลียร์กัน อยากให้ใจเย็นๆอย่าใช้อารมณ์อย่าใช้กำลังตกลงกันจะดีกว่า ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนายสหภาพ อายุ 26 เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์มา ผ่านบริเวณวงศ์สว่างซอย 10 จู่ๆก็มีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นป้ายสีขาวคาดว่าเป็นรถส่วนตัวมาปิดเส้นทางจราจรกะทันหัน ทำให้เลนซ้ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาปิดมีรถจักรยานยนต์ชนกัน 3 คัน ซึ่งรถจักรยานยนต์ของตนเองด้านหน้าพังยับเยิน โชคดีที่ผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยกระโดดลงจากรถก่อนจึงไม่เป็นอะไร  

เพราะเกิดอุบัติเหตุปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ขับรถยนต์ไปตามปกติ โดยที่ไม่สนใจว่าเกิดเหตุรถจักรยานยนต์ชนกัน ต้นเหตุมาจากเจ้าหน้าที่มาปิดเส้นทางจราจรแบบกะทันหัน เพราะเกิดเหตุหลายๆคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าให้ตนขับขี่ไปตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนก็ขับขี่ไปตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้พูดคุยสอบถามว่า ทำไมถึงไม่สนใจใยดีพวกตนเลย 

เจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกว่าให้ไปแจ้งความกับตำรวจในท้องที่กันเอง ซึ่งเป็นการปัดความรับผิดชอบ ยิ่งทำให้ตนรู้สึกโมโห เพราะคิดว่าหากเป็นอะไรไปมากกว่านี้ เช่นมีผู้เสียชีวิต หรือบาดเจ็บขาหักแขนหัก คนที่เป็นต้นเหตุทำให้รถจักรยานยนต์ชนกัน จะไม่สนใจใยดีเลยแบบเหรอ 

ขณะที่ตอนนี้คลิปของตนนั้นถูกแชร์ว่อนอยู่ในโซเชียลมีเดีย มีแต่คนด่าตน ตนทราบดีอยู่แล้วว่าอย่างไรก็ต้องถูกด่าเพราะทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ ก็ไม่กังวลเพราะกำลังหาหลักฐานเพื่อนำมาเผยแพร่ให้ประชาชนดูว่าจริงๆแล้วเรื่องนี้ ใครเป็นคนผิดกันแน่  

และที่หน้าสงสัยเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวได้ใช้รถยนต์ส่วนตัวในการปฏิบัติหน้าที่นำขบวน ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังอยากถามทางหน่วยงาน ต้นสังกัดว่าสามารถทำได้หรือไม่ หรือเป็นการรับงานนอก แต่ถ้าไกล่เกลี่ยกันได้ตนพร้อมขอโทษและยอมชดใช้ค่าเสียหาย แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องชดใช้ค่าซ่อมรถของตนที่พังเสียหายเช่นกัน

เบื้องต้นทางนายสหภาพ ได้เปิดคลิปเหตุการณ์ตอนเกิดเหตุที่ตนเองถ่ายไว้เป็นหลักฐานให้ผู้สื่อข่าวดู และได้นำคลิปดังกล่าวเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี