ผู้สมัคร สว. จี้ กกต. เลือกตั้งใหม่พร้อมโชว์หลักฐาน 'ฮั้ว'

ผู้สมัคร สว. จี้ กกต. เลือกตั้งใหม่พร้อมโชว์หลักฐาน 'ฮั้ว'

13801 ก.ค. 67 17:27   |     AdminNews

ผู้สมัครสว. บุกกกต.จี้ตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่สว. 200 คน เตรียมฟ้อง 157 หากประกาศรับรอง 3 ก.ค.

วันที่ 1 ก.ค.67 เวลา 10.00น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลุ่มผู้สมัครสว.นำโดยพล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้สมัครสว.กลุ่ม 2 ยื่นหลักฐานต่อกกต.ที่เกี่ยวข้องกับการบล็อกโหวตการเลือกสว. โดยพล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า วันนี้มายื่นหนังสือต่อกกต.โดยขอให้ทำการตรวจสอบว่าที่สว. 111 คน และยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกาศรับรองผลผู้ที่ได้เป็นสว.รวมถึงรายชื่อสำรองด้วย เนื่องจากค้นพบความปกติในการลงคะแนนโดยเฉพาะการเลือกไขว้ ซึ่งมีลักษณะการลงคะแนนเป็นชุดๆโดยใบลงคะแนนมีหมายเลขเหมือนๆกัน 

โดยพล.ต.ท.คำรบ ยกตัวอย่างโดยมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายการลงคะแนนในช่วงเลือกไขว้ในสาย ง. โดยพบว่าผู้สมัครกลุ่มที่ 19 ลงคะแนนให้กลุ่มที่ 2 ที่มีการลงคะแนนให้กับหมายเลขเหมือนๆกัน จำนวน 4-5 ใบลงคะแนน และเมื่อนำไปเทียบกับโพยที่ตนเก็บได้ พบว่าเบอร์ที่เขาลงคะแนนตรงกับโพยทุกเบอร์


โดยพล.ต.ท.คำรบ กล่าวอีกว่า หลักฐานนี้ชี้ชัดได้ว่ามีการจัดตั้งกลุ่มในการลงคะแนนโดยในวันเลือกรอบไขว้กลุ่มผู้สมัครที่มีพฤติกรรมดังกล่าวจะจัดกลุ่ม กลุ่มละ 10 คน และจะเลือกคนในกลุ่ม และยังมีผู้สมัครสว.ที่ไม่ลงคะแนนในกับตัวเอง ปต่ลงคะแนนให้กับผู้ที่เป็นเป้าหมาย


พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ตนยื่นหลักฐานเพื่อขอให้กกต.ใช้อำนาจในการเปิดกล่องนับคะแนนใหม่ โดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อตรวจหาพิรุธการลงคะแนนเป็นกลุ่ม ซึ่งผิดปกติวิสัย ขณะนี้หลักฐานคือใบลงคะแนนที่กกต.เก็บไว้ในกล่องจำนวน 40 กล่อง ถ้าตรวจสอบโดยใช้วิธีนี้จะใช้เวลาไม่เกิน 4 ชม. ซึ่งจะทำให้ทราบว่าใครลงคะแนนให้กับใครบ้าง หากการยื่นหนังสือในวันนี้กกต.ไม่ได้ดำเนินการตามที่ร้องขอ ก็จะยื่นหนังสือให้กับหน่วยงานที่มีอำนาจทางปกครอง และบังคับให้กกต.ดำเนินการตามข้อเรียกร้อง และถ้ากกตยังดื้อดึงประกาศรับรองผลสว. จะยื่นร้องต่อศาลฎีกาศาลฎีกา และจะร้องตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่


เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้กกต.ได้แถลงถึงโพยที่พบว่าอาจจะเป็นการทำการบ้านของผู้สมัคร ถ้าตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานว่าเอื้อประโยชน์ต่อกัน จะเอาผิดได้หรือไม่ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า การให้ประโยชน์นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นแค่เรื่องเงิน แต่ในเรื่องนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องของสัญญาว่าจะให้ตำแหน่ง ก็ถือว่าเป็นการให้ประโยชน์ต่อกันแล้ว อยากให้กกต.ใช้ความกล้าหาญในการนับคะแนนใหม่ โดยเปิดให้ประชาชนและสื่อมวลชนได้รับทราบด้วย


ด้านนายจิรัฏฐ์ แจ่มสว่าง ผู้สมัครสว.กลุ่มการศึกษา 3 กล่าวว่า การมายื่นต่อกกตครั้งนี้เพื่อขอให้ตรวจสอบในการลงคะแนน เนื่องจากจะเห็นได้ชัดว่าการลงการลงคะแนนนั้นเป็นตัวเลขชุดๆ หมายเลขในใบลงคะแนนเหมือนกันนับ 10 ใบ จึงอยากให้กกต.ตรวจสอบเส้นทางของการลงคะแนนของกลุ่มคนเหล่านี้ เชื่อว่าเกี่ยวกับกลุ่มพรรคการเมือง ขอให้กกต.ตรวจสอบว่าผิดจริงหรือไม่ถ้าผิดจริงถือว่าผิดกติกาในการเลือก ส่วนการตรวจสอบคุณสมบัตินั้นไม่ได้อยากให้ตรวจสอบเพียงเป็นรายคน เพราะตามขั้นตอนกกต.ต้องตรวจสอบคุณสมบัติทุกคนมาก่อนหน้านี้แล้ว หากอนุญาตให้มาสมัครในระดับอำเภอ ประเทศแต่กลับพบปัญหาในระดับประเทศ ขณะที่กตยังไม่ได้ออกมาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างชัดเจน จึงอยากให้ชะลอการประกาศรับรองว่าที่ แล้วกลับไปตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ได้รับเลือกเป็นสว. รวมถึงบัญชีสำรองอีกครั้ง เพราะตนเห็นคุณสมบัติแปลกๆจากผู้สมัครหลายคน ที่มีฉายาว่า "เสื้อลาย โปรไฟล์สั้น" กลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มที่น่าสงสัย โดยในวันเลือกรอบประเทศกลุ่มนี้ใส่ชุดเหมือนๆกันคือชุดมินเนี่ยน จึงอยากให้กกต.ไปตรวจสอบคุณสมบัติคนเหล่านี้โดยเฉพาะ


ทั้งนี้มีผู้สมัครสว.กลุ่ม 9 ให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนว่า ก่อนการลงคะแนนในรอบประเทศ มีผู้สมัครกลุ่ม 19 โทรศัพท์มาหาตน แล้วถ้าถามมาให้เป็นโหวตเตอร์เพื่อทำการลงคะแนนให้ตามหมายเลขที่กำหนดไว้ โดยแสดงเบอร์โทรศัพท์ต่อสื่อมวลชนด้วย


ด้านนายจักรพงษ์ คงปัญญา ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 12 พร้อมผู้สมัครสว. อีกหลายคนที่ได้รับความเสียหายจากการเลือกสว.ยื่นหนังสือต่อ กกต. ขอคัดค้านการประกาศรายชื่อสว.ระดับประเทศ จนกว่าจะมีการตรวจสอบความถูกต้อง เนื่องจากมีประจักษ์พยานสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์ พบการลงคะแนนที่มีความผิดปกติ ลงคะแนนให้กันเป็นชุดๆ เลขเรียงกันหลายครั้ง ทำให้มีคะแนนสูงผิดปกติ เมื่อเทียบกับทั่วไป และบล็อคคะแนนไม่ให้บุคคลเป้าหมาย ผ่านรอบแรกได้ โดยการโจมตีปล่อยข่าวเท็จก่อนลงคะแนน ทำให้บัตรเสีย หรือมีการซื้อคะแนนแลกคะแนน


ดังนั้น การที่ กกต.ไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติทุกคนให้ครบถ้วนก่อนเลือกในระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ ถ้ามีผู้สมัคร คุณสมบัติไม่ถูกต้อง หลุดเข้ามาแม้แต่ 1 คน จะทำให้คะแนนระดับอำเภอในรอบแรก มีความเบี่ยงแบนและผิดพลาดทันที ยิ่งเข้ารอบลึก ก็ยิ่งมีความผิดพลาดมาตามลำดับ การที่กกต.จะรับรอง ผู้ที่ผ่านการเลือกรอบประเทศ 200 คนไปก่อน แล้วค่อยสอยทีหลังจึงเป็นหลักการที่ไม่ถูกต้อง พร้อมเสนอข้อเรียกร้อง คือ 

1.หยุดการประกาศรับรอง 200 รายชื่อ จนกว่าจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของทุกคะแนน พร้อมให้เปิดเผยต่อสาธารณะ 

2.หากพบว่ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการฮั้วลงคะแนนให้กัน ให้กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ และให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ทันที 

3. ก่อนการเลือกตั้งใหม่ให้กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครใหม่ทั้งหมด เพื่อป้องกันคนที่ไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย ทั้ง 20 กลุ่ม โดยให้มีผู้เชี่ยวชาญร่วมกับ กกต. และเปิดเผยกระบวนการตรวจสอบต่อสาธารณะ 

4. วันเลือกตั้งใหม่ กกต.ตั้งเข้มงวดไม่ให้ผู้สมัครนำเอกสารหรือโพย จดหรือเขียนตัวเลขใดๆ ในเสื้อผ้าหรือร่างกาย รวมทั้งเครื่องมือสื่อสารต่างๆ เข้าสู่สถานที่เลือกโดยเด็ดขาด 5. ให้กกต.จัดพิมพ์เอกสารแนะนำตัว(สว.3) ให้ผู้สมัครใหม่โดยแจกก่อนเข้าช่องลงคะแนนและให้เวลาผู้สมัครอ่านอย่างน้อย1 ชั่วโมง ก่อนลงคะแนน 

6. ให้ทุกฝ่ายยอมรับ ผลการดำเนินการของ กกต.และถือเป็นสิ้นสุดเพื่อให้ได้มาซึ่งสว.200 คน เข้ามาทำหน้าที่


ส่วนกรณีถ้าพบผู้สมัครสว.คุณสมบัติไม่ครบตามที่กฎหมายกำหนดจะทำอย่างไร นายจักรพงษ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 107 ระบุชัดเจนว่า กกต.ต้องทบทวน บริหารจัดการปัญหา หรือยกเลิกแล้วจัดตั้งใหม่ แต่ถ้า กกต.ประกาศรับรองแล้วไปสอบที่หลังจะสร้างปัญหามาก เพราะผู้สมัครบางคนไม่ถือว่าบริสุทธิ์ยุติธรรมกับคนอื่น พร้อมยอมรับถ้ามีปัญหาเรื่องงบประมาณในการจัดเลือกใหม่ ก็ให้จัดในระบบเลือกประเทศไปก่อนให้ได้ สว. 200 คนก่อน และค่อยปัญหาอุดช่องว่างหรือรูโหว่ หรือรอครบเทอมแล้วเลือกใหม่ แต่ก็เป็นไปตามเงื่อนไข 6 ข้อ ที่ได้เรียกร้อง


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง