"พายุยางิ" อ่อนกำลังลง ตัวเลขผู้เสียชีวิตในเวียดนามพุ่ง

วันที่ 9 กันยายน 2567 รายงานสถานการณ์ล่าสุดของพายุไต้ฝุ่น "ยางิ" ซึ่งเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปีของประเทศเวียดนาม ขณะนี้ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้ว หลังจากเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซุปเปอร์พายุไต้ฝุ่น "ยางิ" ได้พัดเข้าฝั่งที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนาม รวมถึง 'กรุงฮานอย' เมืองหลวงของเวียดนามและได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วจนถึงขณะนี้อย่างน้อย 59 คน และมีผู้ที่สูญหายอย่างน้อย 22 คน ส่วนใหญ่เกิดจากดินถล่มและน้ำท่วม นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บแตะ 300 ราย

ขณะที่เมืองไฮฟอง ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งของประเทศที่มีประชากรกว่า 2 ล้านคน และเป้นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมข้ามชาติหลายแห่ง ต้องต้องหยุดชะงักชั่วคราวจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น "ยางิ" สาเหตุจากกระแสไฟฟ้าและการคมนาคมถูกตัดขาด เครือข่ายการสื่อสารล่ม 

ด้านสำนักอุตุนิยมวิทยาของเวียดนามออกประกาศเตือนสถานการณ์น้ำท่วมและดินถล่มต่อเนื่อง พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักและลมแรงในช่วงค่ำของวันจันทร์ โดยเฉพาะในกรุงฮานอย ซึ่งมีประชากร 8.5 ล้านคน ขณะที่ผู้ให้บริการไฟฟ้าของรัฐรายงานข้อมูลครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากการไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนมากกว่า 5.7 ล้านราย เนื่องจากสายไฟฟ้าหลายสายขาด

นายกรัฐมนตรีของเวียดนาม ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ ได้เดินทางเยือนเมืองไฮฟอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนจะอนุมัติเงินช่วยเหลือจำนวนราว 161 ล้านบาท เพื่อใช้ฟื้นฟูเมืองท่าแห่งนี้หลังจากได้รับความเสียหายอย่างหนักจากพายุไต้ฝุ่น "ยางิ"

ทั้งนี้ พายุไต้ฝุ่น "ยางิ" ก่อนที่จะเข้าถล่มฝั่งประเทศเวียดนาม ความรุนแรงของมันได้คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 20 คน ในฟิลิปปินส์ และอีก 4 คน ในภาคใต้ของจีน ขณะที่ นายเบนจามิน ฮอร์ตัน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัย Earth Observatory of Singapore เผยปัจจัยที่ทำให้พายุอย่างไต้ฝุ่น "ยางิ" ทวีกำลังความรุนแรงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากอุณหภูมิของมหาสมุทรที่อุ่นขึ้น ทำให้เกิดพลังงานมากขึ้นในการขับเคลื่อนพายุ ส่งผลให้ความเร็วลมเพิ่มขึ้นและปริมาณฝนที่ตกหนักมากขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

อุตุฯ ประกาศ“พายุยางิ”ฉบับที่ 20 อ่อนกำลังลงแล้ว

อัปเดต“พายุยางิ” อ่อนกำลังใกล้เป็นดีเปรสชันพัดปกคลุมไทยบ่ายนี้

"ไต้ฝุ่นยางิ" ถล่มชายฝั่งเวียดนาม ยอดดับพุ่ง