จนมุม! "พลอย"สาวดาวติ๊กต็อก หนีคดีซุกปีกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แฉหมดเปลือก

จนมุม! "พลอย"สาวดาวติ๊กต็อก หนีคดีซุกปีกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แฉหมดเปลือก

59222 ก.ย. 67 14:41   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

จนมุม! "พลอย"สาวดาวติ๊กต็อก หนีคดีซุกปีกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หวังทำงานหาเงิน แฉหมดเปลือกวิธีหลอกเงินคนไทย เชื่อปราบไม่หมดเพราะรายได้ดี

(22ก.ย.67) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. นำกำลังจับกุม น.ส.พลอย (นามสมมติ) ดาวติ๊กต็อก อายุ 21 ปี ชาว กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ลงวันที่ 10 ก.ย. 67 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถาน สถานที่ราชการ , ลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์" โดยจับได้ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว


การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก น.ส.พลอย (นามสมมติ) ดาวติ๊กต็อก สาวสวยหน้าตาดี ผู้ติดตามกว่า 3.6 หมื่น มีพฤติกรรมลักขโมยทรัพย์สินที่บ้านของชายหนุ่มที่มีความสัมพันธ์กับเธอ จนเป็นที่ปรากฏภาพจากสื่อมวลชนหลาย ๆ สำนัก ในช่วงปลายเดือน ก.ค. 67 ที่ผ่านมา ต่อมาวันที่ 10 ก.ย. 67 พนักงานสอบสวน สน.นิมิตรใหม่ ได้ออกหมายจับ ต่อมาวันที่ 21 ก.ย. 67 เวลา 11.30 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้ส่งชุดสืบนครบาลโดย "สารวัตรแจ๊ะ" ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว และ ตม.จว.สระแก้ว ร่วมกันจับกุมตัวได้ที่ดังกล่าว 


สอบสวน น.ส.พลอย ให้การว่า ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก เนื่องจากติดพนันออนไลน์ (ปั่นสล็อต) และไม่สามารถยืมเงินของแฟนหนุ่มได้ เนื่องจากตอนนั้นแฟนของตนอยู่ที่ปอยเปต กำลังเข้าไปเปิดบัญชีม้าและคอยสแกนหน้าให้กับกลุ่มมิจฉาชีพอยู่ จึงตัดสินใจเข้าไปขโมยทรัพย์สินในบ้านของแฟนหนุ่มตามที่เห็นจากภาพกล้องวงจรปิด โดยได้ทรัพย์สินไปประมาณ 60,000 บาท 


น.ส.พลอย เล่าต่อไปว่า จากนั้นได้หลบหนีโดยติดต่อไปที่ผู้ใช้ติ๊กต๊อกหนึ่งซึ่งเป็นที่รับสมัครไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีรายละเอียดว่าหากไปทำงานกับเขาจะได้เงินเดือนละ 25,000 บาท และยังมีเงินพิเศษรายวันหากทำยอดหลอกลวงแตะตามเป้าหมายที่วางไว้ เริ่มต้น 5% ของเงินที่หลอกได้/รายวัน , 7% ของเงินที่หลอกได้/รายเดือน โดยมีเงินขั้นต่ำ 50,000 – 100,000 บาท แต่หากทั้งเดือนหลอกได้ไม่ถึง 50,000 บาท จะไม่ได้รับเงินเดือนเลย 


น.ส.พลอย กล่าวอีกว่า เห็นรายละเอียดแล้วสนใจจึงตัดสินใจข้ามไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยข้ามประเทศด้วยการใช้เส้นทางธรรมชาติ เมื่อข้ามไปถึงฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้มีคนมารับพาไปและเข้าทำงานที่ชั้น 12 ของอาคาร 25 ชั้น โดยจะทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์รูปแบบหลอกให้รักแล้วชวนทำภารกิจดันสินค้าซึ่งไม่มีจริง โดยหัวหน้าจะให้สร้างโปรไฟล์เฟซบุ๊กและไลน์ตีสนิทกับเหยื่อก่อนประมาณ 15 วัน 


น.ส.พลอย บอกด้วยว่า เมื่อเหยื่อหลงรักเราแล้วก็จะค่อย ๆ ชักชวนให้เข้ากลุ่มไลน์ซึ่งไลน์อวตารอีก 4 ตัว เป็นหน้าม้าและมีการทำสลิปโอนเงินปลอมเพื่อล่อใจเหยื่อให้ทำภารกิจดันสินค้านี้ โดยระหว่างที่อยู่ที่แรกนี้มีเหยื่อที่หลงเชื่อและเริ่มคุยกับตนแล้วประมาณ 10 คน ซึ่งหลังจากตนอยู่ที่ตึก 25 ชั้นนี้ได้เพียง 1 สัปดาห์ คดีของตนก็เกิดเป็นข่าวขึ้นทำให้บอสชาวจีนได้ย้ายตนไปหลบอยู่อีกออฟฟิศหนึ่งทันที ซึ่งเป็นตึก 4 ชั้น โดยเมื่อทำงานที่นี่เป็นรูปแบบการหลอกลวงลักษณะเดียวกับที่แรก แต่เปลี่ยนตัวสินค้าที่ให้เหยื่อทำภารกิจ 


น.ส.พลอย บอกว่า โดยที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์แห่งที่ 2 นี้ ตนใช้เฟซบุ๊ก อวตาร ชื่อ “ก้อย” แค่ตัวเดียว ได้ลูกค้าที่พูดคุยด้วยประมาณ 20 กว่าคน และมีผู้หลงเชื่อให้หลอกจำนวน 1 คน เป็นเงิน 25,000 บาท แต่ตนเห็นคนเก่ง ๆ ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ สามารถหลอกลวงพยาบาลสาวได้เป็นเงิน 5,000,000 บาท จึงพยายามตั้งใจทำงานมากขึ้นหวังจะได้เงินเยอะ ๆ 


"แต่เมื่อทำงานไปได้ระยะหนึ่งก็ประสบปัญหา โดย Boss ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ที่เป็นชาวไทยชื่อว่า “แสบ” ได้เข้ามาตีสนิทและบีบบังคับให้ตนเองเป็นเมียน้อย โดยจะให้เงินเดือนเดือนละ 30,000 บาท โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ตนได้ปฏิเสธจึงถูกไล่ออกทันที" น.ส.พลอย บอก


น.ส.พลอย กล่าวต่อไปว่า หลังถูกไล่ออกตนก็ได้ไปเข้าทำงานที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 ซึ่งเรียกกันว่า หลังบ่อตกปลา โดยการหลอกจะเป็นรูปคล้ายเดิม คือหลอกให้รักแล้วชวนลงทุนเทรดหุ้นในแพลตฟอร์มเก๊ ซึ่งท้ายสุดเหยื่อจะถอนเงินออกไม่ได้ ซึ่งทำงานได้เพียง 3 วัน แฟนที่เป็นคู่กรณีก็ได้ทักมาบอกว่าสารวัตรแจ๊ะจะไปตามจับให้หลบหนี ซึ่งถัดมาเพียง 2 วัน ก็มีตำรวจมาจับกุมตนจริง ๆ ระหว่างเดินทางไปทำงาน 


น.ส.พลอย บอกด้วยว่า ช่วงชีวิตที่ผ่านมา 2 เดือนนี้ รู้สึกได้ว่าถลำลึกไปมาก ตอนแรกคิดเพียงว่าจะไปหาเงินสักก้อนหนึ่งเพื่อนำกลับมาชดใช้ไม่คิดว่าชีวิตจะถลำลึกถึงเพียงนี้ อยากให้ชีวิตตนเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคม ส่วนปัญหาเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นตนคิดว่าคงแก้ไม่ได้ เพราะรายได้ดี อย่างไรก็ล่อตาล่อใจให้คนมาทำได้ง่าย


เบื้องต้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.นิมิตรใหม่ ดำเนินคดีต่อไป


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง