“เลขาฯ กฤษฎีกา” ชี้ “ลุงชาญ” ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะคดีค้างเก่า
“เลขาฯ กฤษฎีกา” ชี้ “ลุงชาญ” ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะคดีค้างเก่า
“เลขาฯ กฤษฎีกา” ชี้เส้นทางสู่เก้าอี้ นายก อบจ.ปทุมธานีไม่ง่าย “ลุงชาญ” รับตำแหน่งวันไหนต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที จากคดีจัดซื้อถุงยังชีพที่ค้างอยู่ที่ ป.ป.ช
(2 ก.ค. 67) นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เกี่ยวกับกรณีของ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี หลังจากที่นายชาญเอาชนะเลือกตั้งมาได้เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา แต่ก็มีประเด็นด้านกฎหมายที่ตัวนายชาญนั้นมีคดีเรื่องทุจริตค้างอยู่ที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และเคยถูกยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยที่ศาลมีการประทับรับฟ้องไว้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามนายปกรณ์ว่าจากเหตุดังกล่าว จะส่งผลให้นายชาญต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อเข้ารับตำแหน่ง นายก อบจ. หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า ใช่ เพราะวัตถุประสงค์ของคณะกรรมการกฤษฎีกาให้เหตุผลทุกกรณีไว้ว่า หากถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดย ป.ป.ช.ชี้มูล และมีคำถามว่าระหว่างนั้นเขาพ้นตำแหน่งแล้วกลับเข้ามาทำหน้าที่ใหม่จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งโดยตรรกะต้องหยุด เพราะไม่ต้องการให้ยุ่งเหยิงกับคดีที่ผ่านมา และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นหลักกฏหมายปกติ
โดยที่การหยุดปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวนั้นมีผลทันทีโดยไม่ต้องรอให้มีหน่วยงานอื่นมาชี้ซ้ำ เพราะเพราะเป็นไปตามผลของกฎหมายอยู่แล้ว แต่หากนายชาญไม่เชื่อความเห็นของกฤษฎีกา ก็ต้องให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) จะเป็นคนชี้ เพราะมีอำนาจหน้าที่ในการดูแลเรื่องของการเข้าสู่ตำแหน่ง การดำรงตำแหน่ง และการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนเมื่อนายชาญหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้วนั้น คนที่มารักษาการแทนก็คงเป็นปลัด อบจ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นข้าราชการประจำ ทั้งนี้เรื่องนี้ต้องสอบถามรายละเอียดไปยังสอบถามอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย