คนร้ายไล่เผารถคนมุสลิม แถมทิ้งพระพุทธรูปไว้

(9 ก.ย. 67) จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์เตือนภัยภายหลังจากที่รถยนต์ของลูกสาวของตนเองถูกเผาจนวอด ระบุว่าเหตุเกิดเมื่อเวลา 02.30 น. ของวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ลูกสาวจอดรถไว้ใกล้กับมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ภายในซอยรามคำแหง ซอย 2 โดยยืนยันว่ารถที่จอดไม่ได้ขวางทางเข้าหรือออกของใคร ลูกสาวและลูกเขยไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งกับใคร รถอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่น่าจะเกิดติดไฟขึ้นมาเอง นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบพระพุทธรูปที่เขียนถ้อยคำไม่เหมาะสมตกอยู่ด้วย

ต่อมาเจ้าของเฟซบุ๊กได้โพสต์อีกครั้ง เป็นภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิด พร้อมระบุข้อความว่า ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุเผารถยนต์ของลูกสาวผม เห็นใบหน้าชัดเจน เป็นบุคคลเดียวกันที่ก่อเหตุเมื่อ 2 ครั้งที่ผ่านมา คาดว่าเจ้าหน้าที่จะจับตัวได้เร็วๆนี้ หากท่านใดมีเบาะแสเพิ่มเติม แจ้งมาได้นะครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูง และขอขอบชุดตำรวจสืบสวน สน.หัวหมาก ชุดกองพิสูจน์หลักฐาน และสำนักงานเขตพระโขนง เอื้อเฟื้อภาพจากกล้องวงจรปิด

ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์ ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจที่จุดเกิดเหตุ บริเวณใน รามคําเเหง ซ.2 ถ.รามคำแหง แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร ติดกับกำแพง มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ในจุดที่เกิดเหตุยังคงพบร่องรอยกองขี้เถ้าและรอยเขม่าควันไฟอยู่ที่พื้นและกำแพง

จากการสอบถาม นายมานาฟ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง เผยว่า ตอนนี้ชาวบ้านในละแวกนี้ รวมไปถึงตนเอง มีความรู้สึกกังวลใจ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว จากหลักฐานภาพกล้องวงจรปิด นายมานาฟ บอกว่าไม่เคยเห็นชายคนในคลิปมาก่อน ซึ่งไม่น่าจะใช่คนแถวนี้ ส่วนตัวมีความคิดเห็นว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นคนปกติ เพราะถ้าดูจากภาพกล้องวงจรปิด จะสังเกตเห็นว่า ก่อนที่ไฟจะไหม้รถบุคคลในภาพกล้องวงจรปิด เดินออกมาจากจุดเกิดเหตุก่อน หากเป็นคนไม่ปกติ ก็อาจจะใช้น้ำมันจุดแล้วก็เผาเลย แล้วค่อยวิ่งหนีออกมา

นักข่าวถามต่อว่า แล้วจากจุดเกิดเหตุที่มีพระพุทธรูปถูกเขียนอักษรด้วยปากาเมจิกตกอยู่พร้อมกระดาษโปสเตอร์ที่ก็ถูกเขียนอักษรเช่นกัน คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องของศาสนาหรือไม่ นายมานาฟ บอกว่า ไม่น่าจะเกี่ยว แต่อาจจะเป็นการทำเพื่อเบี่ยงประเด็น

สำหรับในซอยรามคำแหงซอย 2 นี้ มีรถที่ตกเป็นเหยื่อมาแล้ว 3 คัน เจ้าของรถเป็นชาวมุสลิม คันแรกเป็นของชาวบ้านในละแวกดังกล่าวที่พบว่ามีคนเอาน้ำมันมาราดบริเวณที่ปัดน้ำฝน และใส่ขวดเครื่องดื่มชูกำลังวางไว้ที่ล้อรถ โชคดีที่ไฟติดแล้วดับในเวลาไม่นาน จึงเสียหายไม่มาก

กรณีที่ 2 เป็นรถของนายสุรสิทธิ์ อายุ 44 ปี เกิดเหตุหลังรถคันแรกราว 2 สัปดาห์ โดยหลังเกิดเหตุเจ้าของรถที่เป็นเหยื่อรายแรกมาเล่าให้ฟังว่ารถถูกวางเพลิง นายสุรสิทธิ์จึงไปหาภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งก็พบว่าในวันเกิดเหตุมีชายแปลกหน้า สวมเสื้อยืด กางเกงขาสั้น เดินเข้ามาใน ซ. ตรงจุดเกิกเหตุ หลังจากนั้นก็เกินกลับออกไป แล้วไฟก็ไหม้รถ ส่วนตัวก็ไม่อนากที่จะกล่าวหาใคร แต่ถ้าดูจากภาพกล้องวงจรปิดแล้วก็คิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่ก่อเหตุในกรณีล่าสุด อยากวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

ทางด้าน นายวินัย อายุ 64 ปี พ่อของเจ้าของรถคันที่เสียหาย เผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่ทราบว่าตัวผู้ก่อเหตุเป็นใครมาจากไหน แต่ยืนยันว่าไม่ใช่คนในพื้นที่อย่างแน่นอน ส่วนที่กังวลใจมากที่สุดคือ พฤติการณ์ในการก่อเหตุที่ทิ้งพระพุทธรูปเอาไว้ในที่เกิดเหตุ เกรงว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้ง แต่อย่างไรก็ตามเราก็ไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุมีจุดประสงค์อย่างไรกันแน่

เมื่อนักข่าวถามต่อว่าแล้วก่อนหน้านี้เคยมีปัญหากับใครหรือไม่ นายวินัยยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหากับใคร และก็อยู่ในพื้นที่นี้มาหลายปี ขณะที่ตนเองก็เคยเป็นอดีตกรรมการที่มูลนิธิมาก่อน ก็ไม่เคยมีความขัดแย้งกับใคร