กลับดาวช้างแล้ว! "พังกันยา" ลูกช้างป่าพลัดหลงโขลง

กลับดาวช้างแล้ว! "พังกันยา" ลูกช้างป่าพลัดหลงโขลง

51006 พ.ย. 67 10:58   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

กลับดาวช้างแล้ว! "พังกันยา" ลูกช้างป่าพลัดหลงโขลง หลังป่วย EEHV ทีมเจ้าหน้าที่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว

จากกรณี เพจเฟซบุ๊ก "โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย Elephant Hospital, TECC" แจ้งข่าวเศร้า ระบุขอความว่า "5 พฤศจิกายน 2567 - 23.31 น. ขอให้ได้ไปวิ่งเล่นอย่างมีความสุข บนดาวช้าง ไม่เจ็บ ไม่ป่วยแล้วนะ เด็กหญิงกันยา" หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยด้วยโรคเฮอร์ปีส์ไวรัสในช้าง เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโรคที่ค่อนข้างรุนแรงในช้าง โดยเฉพาะลูกช้าง


กลับดาวช้างแล้ว! "พังกันยา" ลูกช้างป่าพลัดหลงโขลง


ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก ร่มแดนช้าง Tusker Shelter ได้โพสต์ข้อความระบุว่า คุณหมอต้อม - น.สพ.ดร. ทวีโภค อังควานิช หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ กล่าวว่า ทีมสัตวแพทย์ของโรงพยาบาลช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ เฝ้าติดตามอาการของ “น้องกันยา” อย่างใกล้ชิด


แนวทางการรักษาโรคเฮอร์ปีส์ไวรัสในช้าง (Elephant Endotheliotropic Herpesvirus, EEHV) วาง​ไว้​ 3 แนวทางหลักที่ทำควบคู่กันไปคือ


- ให้ยาต้านไวรัส

- ให้เลือดซึ่งได้รับการบริจาคจากช้างเชือกอื่นเนื่องจากเชื้อไวรัสส่งผลต่อระบบเลือด​ โดยมีเลือดออกในอวัยวะ​ภายใน

- ให้ยาตามอาการเช่น ลดไข้ แก้ปวด เป็นต้น


ก่อนที่คุณภัทร-ธีรภัทร ตรังปราการจะนำ “น้องกันยา” เดินทางจากปางช้างภัทร ฟาร์มที่อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่มายังสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปางได้มอบหมายให้สัตวแพทย์ประจำปางช้างประสานงานมาล่วงหน้า 


โดยทีมสัตวแพทย์ของโรงพยาบาลช้างนำ “ป้าขอด” มาบริจาคเลือดเพื่อเตรียมไว้ให้ “น้องกันยา” เนื่องจากเป็นลูกช้างป่ากำพร้า ไม่ได้รับนมแม่ในระยะแรกจึงมีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ


สำหรับยาต้านไวรัสที่ให้แก่น้องกันยาเป็นชนิดให้วันละ 2 ครั้ง ดังนั้นทุก 12 ชั่วโมง ระดับยาจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น โดยทีมสัตวแพทย์จะตรวจติดตามค่าเลือดเพื่อดูจำนวนเม็ดเลือดและเกร็ดเลือดว่า เพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด 

พร้อมย้ำว่า ทีมสัตวแพทย์จะดูแลและเฝ้าระวังอาการของ "น้องกันยา" ตลอด 24 ชั่วโมง


และล่าสุดได้โพสต์ข้อความว่า "ทำเต็มที่ที่สุดแล้ว"


กลับดาวช้างแล้ว! "พังกันยา" ลูกช้างป่าพลัดหลงโขลง


ส่วนทางด้าน นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ ได้โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจ โดยระบุข้อความว่า "น้องกันยาได้พักแล้วนะคะ น้องสู้ที่สุด ขอหนูสู่ภพที่สูงนะลูก" พร้อมขอบคุณทุกคนที่ให้การช่วยเหลือน้องกันยา


และได้อัปเดตว่า สำหรับแม่ๆที่อยากทราบเกี่ยวกับการจัดการกับร่างของน้องกันยานะคะ…

หมอต้อมแจ้งว่า..


1. ทำพิธีปัดภัย จากนั้นเคลื่อนย้ายพังกันยาไปที่อาคารผ่าซากเพื่อผ่าพิสูจน์ตามขั้นตอน ร่วมกันระหว่างคชบาล/กรมอุทยานฯ


2. ส่งตัวอย่างตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ศูนยชันสูตรโรคสัตวภาคเหนือ จ ลำปาง


3. ฝังร่างพังกันยาบริเวณภายในสถาบันฯ


4. วันที่ 7/11 นิมนต์พระสงฆ์ทำพิธีสวดบังสุกุล


ส่วน stem cells ที่เตรียมมาเมื่อคืนจะนำไปให้พังวันดี (เป็นช้างบริจาคมาอยู่ที่คชบาล) ..ที่มีปัญหาสุขภาพการอักเสบเรื้อรังของระบบสืบพันธุ์ stem cells เก็บไม่ได้นานค่ะ


ร่างน้องจะเป็นอาจารย์ใหญ่ให้ศึกษาเกี่ยวกับโรค EEHV type 4 นี้ ส่วน stem cells ที่ป้าตั้งใจให้น้องก็เป็นประโยชน์กับชีวิตอื่น นี่ก็จะเป็นผลบุญเพิ่มเติม..ส่งให้ดวงจิตน้องกันยาสู่ภพภูมิที่สูงนะคะ


กลับดาวช้างแล้ว! "พังกันยา" ลูกช้างป่าพลัดหลงโขลง


สำหรับพังกันยา เป็นลูกช้างป่าพลัดหลงโขลง ถูกพบเมื่อเดือน ก.ย.2566 บริเวณริมป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จ.บึงกาฬ ในสภาพอ่อนเพลียและมีบาดแผลถลอก เจ้าหน้าที่ได้ให้การช่วยเหลือ ต่อมาได้ส่งพังกันยาไปอนุบาลดูแลที่ปางช้างภัทร อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ด้วยความน่ารักจนได้รับฉายาว่า “ลูกสาวแห่งชาติ”

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง