กลุ่มผู้รับบำบัดยา"ปอเนาะคลองกำ" 30 คน ชิงเรือหางยาวหนี

กลุ่มผู้รับบำบัดยา"ปอเนาะคลองกำ" 30 คน ชิงเรือหางยาวหนี

94929 มิ.ย. 67 15:53   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

กลุ่มผู้รับบำบัดยา"ปอเนาะคลองกำ" 30 คน ชิงเรือหางยาวหนี เจ้าหน้าที่ระดมติดตามตัว พบบางส่วนหลบหนีไปได้

(29มิ.ย.67) เวลา 12.00 น. พ.ต.ต.จตุรงค์ ทัพธานี สวป.สภ.เมืองกระบี่ รับแจ้งพบกลุ่มผู้บำบัดยาเสพติดชาย 30 คน หลบหนีออกจากปอเนาะอัลฮารุลอูรูม (มูลนิธิ ) บ้านคลองกำ ต.คลองประสงค์ อ.เมือง จ.กระบี่ โดยชิงเรือหางยาวชาวบ้านหลบหนี จึงรุดไปพร้อม ตร.สายตรวจรถยนต์ ตร.สายตรวจจราจร และฝ่ายปกครองคลองประสงค์ 


ที่บริเวณถนนเหมทานนท์ เขตเทศบาลเมืองกระบี่ พบกลุ่มชายดังกล่าวตามที่รับแจ้ง เดินเกาะกลุ่มไปตามถนนเจ้าหน้าที่เข้าสกัดกลุ่มชายดังกล่าวพอเห็นเจ้าหน้าที่พากันแตกตื่นแยกกันวิ่งหลบหนี ไปทางซอยเจริญทรัพย์ ถนนกระบี่ - เขาทอง ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์พากันแตกตื่น 


ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกือบชั่วโมงติดตามกลุ่มชายดังกล่าวได้ โดยพบ 11 คน ไปหลบอยู่ท้ายหมู่บ้านใกล้ป่าชายเลน นอกจากนี้ก่อนหน้าหลบหนีหายไป 1 คน เจ้าหน้าที่เข้าเจรจาจนทั้งหมด 11 คน ยอมขึ้นรถสายตรวจไปที่สภ.เมืองกระบี่ พร้อมยื่นเงื่อนไขไม่ขอกลับไปปอเนาะอีก จะขอติดต่อกับทางญาติเพื่อกลับบ้าน ส่วนกลุ่มผู้หลบหนีอีกกว่า 15 คน จนท.ยังตามตัวไม่เจอ 


หนึ่งในกลุ่มผู้หลบหนีแจ้งให้ จนท.ทราบ ว่าเหตุที่หลบหนีออกมา เพราะต้องการจะกลับบ้าน และจะไม่ยอมกลับเข้าไปปอเนาะอีก เพราะความเป็นอยู่ลำบาก อยู่กันอย่างแออัดกว่า 1,000 คน อาหารการกินก็ไม่ดีเลย รวมทั้งปัญหาเงินที่ทางบ้านส่งมาให้เจ้าหน้าที่ในปอเนาะ ให้ใช้จ่ายกันแค่วันละ 20 บาทต่อคน ทำให้ไม่สามารถซื้อของกินดี ๆ ได้ 


"และยังมีเรื่องที่ถูกทำโทษเวลาทำผิด จะทำโทษหนักเกินไป วันนี้กลุ่มผู้หลบหนี จึงพร้อมใจกันวิ่งหนีออกมาในช่วงหลังการทำละหมาด โดยต้องเอาเรือของชาวบ้านขับหนีข้ามฟากมาในตัวเมืองกระบี่ เพราะไม่มีชาวบ้านยอมนำเรือมาส่ง" ผู้หลบหนีรายนี้ กล่าว


ด้าน นายอภิชัย สุขประเสริฐ อายุ 26 ปี อดีดฝ่ายพนง.ต้อนรับทำหน้าที่ธุรการในปอเนาะศึกษาปอเนาะอัลฮารุลอูรูม (มูลนิธิ) เปิดเผยว่า แต่ละคนเขาอยากกลับบ้านจึงมีข้ออ้างในการหลบหนี โดยที่คนข้างนอกไม่เห็น มันมีหลาย ๆ ปัจจัย เด็กที่มาอยู่มาในหลายสภาพ ข้างในเหมือนโรงเรียนปกติ แต่เขาให้เอาคนที่บ้าน ที่มีปัญหาดูแลไม่ได้ให้เข้ามาอยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ 


"กินอะไรก็เหมือนกัน ไม่มีการทำร้ายร่างกาย สิทธิที่จะลงโทษได้คือ ผอ.โรงเรียนคนเดียว คนอื่นไม่มีสิทธิ ไม่ว่าจะเป็นครูหรือใคร ถ้าเด็กทำผิดทุกเรื่องจะต้องถึงผู้บริหารก่อนจะมีการลงโทษหรือกักบริเวณ ที่ว่าจะแอบไปกระทืบก่อนนั้นไม่มี ทุกจุดมีกล้องวงจรปิด" นายอภิชัย ระบุ


นายอภิชัย กล่าวอีกว่า คนข้างนอกไม่ค่อยเห็นด้านในเหมือนคนที่อยู่ข้างในเหมือนผม ผมอยู่ที่นั่นมา 5 ปี 9 เดือน ส่วนคนที่ถูกล่ามโซ่มักจะมีปัจจัยของมัน คือคนในสภาพอาการหลุด ไม่ได้เล่นยาแล้วมีอาการหลุด ล่ามเพื่อจะได้ดูแลใกล้ชิดขึ้น ไปไหนมาไหนก็จะมีเจ้าหน้าที่พาไป การที่ว่าไปถึงแล้วเขาล่ามโซ่นั้นมันไม่ใช่มันต้องมีปัจจัย สมมุติอาละวาดไปทำร้ายร่างกายเพื่อนเขาก็จะไปล่ามไว้ก่อน ไม่ใช่ล่ามซุ่มสี่ซุ่มห้า


นายอภิชัย บอกด้วยว่า ส่วนเหตุการณ์วันนี้ที่หลบหนีกันออกมา น่าจะมีการวางแผนกันก่อนแล้ว ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่จะให้แต่ละคนอยู่กับคู่ซี้ ส่วนเรื่องเงินที่ถูกกล่าวอ้างว่าไม่ถึงผู้บำบัด มันจะมีค่าใช้จ่ายของโรงเรียนทั้งค่าน้ำค่าอาหาร 3 มื้อ ค่าไฟ ค่าซักผ้า จะรวมอยู่ที่ 2,500 บาท นอกเหนือจากส่วนนี้จะเป็นเงินกินของเด็กแต่ละวัน ซึ่งตรงนี้ผู้ปกครองไม่ให้หรือจะให้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ปกครอง 


"แต่ในส่วน 2,500 จะเป็นเงินที่ให้โรงเรียนเด็กจะไม่ได้ เพราะจะมีเงินกินอยู่แล้ว แต่ผู้บริหารก็จะบอกว่าให้อย่างน้อย 1,000 หรือ 2,000 บาท เพราะว่าเด็กต้องใช้ซื้อของใช้ ถ้าจะบอกว่าบางคนได้ไม่ถึงพันบาท ก็ขึ้นอยู่กับผู้ปกครองฐานะทางบ้านต่างกัน" นายอภิชัย กล่าว


นายอภิชัย กล่าวอีกว่า บางทีส่งมา 3000 บาท 2500 ให้โรงเรียน ต้องเข้าใจด้วยเด็กแต่ละคนมาทางบ้านฝืนส่งมาเนื่องจากเด็กอยู่ที่บ้านทำร้ายพ่อแม่ เขาเลยส่งมาอยู่ตรงนี้ พอเริ่มอาการหายยาก็คิดอยากกลับบ้าน ปกติผู้บริหารเปิดให้คนนอกเข้ามาเยี่ยมมาดูนะ ว่าล่ามโซ่ล่ามแบบไหน จะเปิดให้หมด 




TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง