ลูกสาวแจ้งจับแม่เสพยาบ้า ตร.จับตรวจฉี่ไม่พบสารฯ เจ้าตัวรับเคยเสพเมื่อนานมาแล้ว

ลูกสาวแจ้งจับแม่เสพยาบ้า ตร.จับตรวจฉี่ไม่พบสารฯ เจ้าตัวรับเคยเสพเมื่อนานมาแล้ว

115721 ส.ค. 67 18:20   |     Tum1

ลูกสาวทำงานที่ฮ่องกงให้คนแจ้งจับแม่เสพยาบ้า คลั่งจนหลานสาวหนีออกจากบ้าน ตร.จับตรวจฉี่ไม่พบสารฯ แต่เจ้าตัวรับเคยเสพเมื่อนานมาแล้ว เผยเครียดลูกไม่คุยด้วย หลานสาว ม.6 ไม่เคยทานข้าวกับยาย กลับบ้านเร็วสุด 2 ทุ่ม ตักตือนก็ไม่พอใจ วอนลูกเข้าใจแม่

เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (21 ส.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิทยุ 191 สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้รับแจ้งมีผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวกับยาเสพติดและแนวโน้มจะคลุ้มคลั่ง จนผู้ที่อยู่อาศัยด้วยต้องหนีออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย ขอให้ตำรวจเข้าทำการช่วยเหลือ ที่หมู่บ้านโนนหงส์ทอง ต.ไร่น้อย อ.เมืองอุบลราชธานี โดยร.ต.อ.ภาณุ ผลเจริญ รอง สว.ป.สภ.เมืองอุบลราชธานี ร้อยเวรป้องกันปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจนำอุปกรณ์ไม้ง่าม เตรียมพร้อมเพื่อเข้าระงับเหตุ 


เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้าน พบนายอนุชา (สงวนนามสกุล) ผู้แจ้งขอความช่วยเหลือ ซึ่งได้รออยู่ก่อนแล้ว และนำเจ้าหน้าที่ไปยังบ้านหลังหนึ่ง ในซอย 1X/X พบมีเพียงนางวลีรักษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปีอยู่ในชุดนอน กำลังตากผ้าห่มอยู่ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งเหตุการณ์ให้ทราบตามที่รับแจ้ง ก่อนเชิญตัวนางวลีรักษ์ ไป สภ.เมืองอุบลฯ เพื่อทำการตรวจปัสสาวะ ซึ่งเจ้าตัว ไม่มีทีท่าขัดขืน ก่อนขึ้นรถไปกับเจ้าหน้าที่ นางวลีรักษ์ รับว่าได้เสพยาบ้าจริง เมื่อครั้งกลับบ้านไปขุดมันสำปะหลัง ที่บ้านเกิด ใน อ.กุดชุม จ.ยโสธร พึ่งกลับมาได้ 2 วันเท่านั้น และเชื่อว่า ถูกกลั่นแกล้ง



ส่วนนายอนุชา ผู้ที่นำชี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจ บอกว่า เป็นญาติกับลูกสาวของนางวลีรักษ์ ซึ่งไปทำงานที่ต่างประเทศ (ไม่มีรายงานที่ชัดเจนว่า เป็นญาติฝ่ายไหน แต่นามสกุลไม่เหมือนกัน) ได้ให้ตนโทรแจ้งตำรวจให้เข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจาก นางวลีรักษ์ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีอารมณ์แปรปรวน ฉุนเฉียว จนหลานสาวซึ่งเป็นลูกของลูกสาวนางวลีรักษ์ ที่อยู่ด้วยกัน อยู่บ้านไม่ได้ ต้องหนีออกไปอยู่ข้างนอก เพื่อความปลอดภัย



ขณะที่ นางสุดารัตน์ (สงวนนามสกุล) ซึ่งบ้านอยู่ตรงข้ามกัน ให้ข้อมูลว่า นางวลีรักษ์ ไม่มีพฤติกรรมเข้าข่าย ไปยุงกับยาเสพติด ชีวิตประจำวันเหมือนกับคนแก่ทั่วไป ปกติเห็นยายอยู่กับหลาน ส่วนที่ยายวลีรักษ์ สารภาพว่า เคยเสพยาบ้านั้น เพื่อนบ้านรายนี้กล่าวพร้อมหัวเราะว่า "ไม่เชื่อ" จนเข้าใจว่าตำรวจเข้าบ้านผิดหลัง



ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวนางวลีรักษ์ ถึง สภ.เมืองอุบลราชธานี เบื้องต้น เจ้าตัวรับสารภาพว่า เคยเสพยาบ้านานมาแล้ว โดยญาติกันที่บ้านเกิดจำหน่ายและสอนให้เสพ ซึ่งต่อมาคนที่ขายยาบ้าถูกจับกุมไปแล้ว และตนได้มาอยู่ที่ จ.อุบลฯ ก่อนจะถูกลูกสาวให้คนแจ้งจับครั้งนี้ ตนได้กลับไปถอนมันที่บ้านเกิด ช่วงเข้าไปเอาฟืนเพื่อนำไปก่อไฟต้มข้าวต้ม ไปพบยาบ้า 3-4 เม็ด ซึ่งคาดว่า คนขายที่ถูกจับกุมไปเอาไปซ่อนไว้ก่อนถูกจับ จากที่เคยเสพ เมื่อเห็นยาบ้าจึงนำมาเสพจนหมด จากนั้นเดินทางกลับมา จ.อุบลฯ กระทั่งถูกลูกสาวให้คนแจ้งตำรวจเข้าจับดังกล่าว


นางวลีรักษ์ กล่าวด้วยว่า ลูกสาวคือ น.ส.พรปวี (สงวนนามสกุล) ไปทำงานที่ฮ่องกง โดยให้ตนอยู่กับ น.ส.เอ (นามสมมุติ) ลูกสาวของ น.ส.พรปวี ซึ่งกำลังเรียนชั้น ม.6 บ้านหลังเกิดเหตุ ลูกซื้อให้หลานแล้วให้ตนมาอยู่เป็นเพื่อนหลาน ลูกส่งเงินมาให้ใช้สัปดาห์ละ 2,000 บาท ขณะที่ตนมีความเครียด เพราะลูกสาวก็ไม่คุยด้วย หลานสาวส่วนมากก็กลับเข้าบ้านเร็วสุด 2 ทุ่ม (กลับดึก) ไม่เคยทานข้าวกับยาย เมื่อตักเตือนด้วยความห่วงใย ก็แสดงความไม่พอใจ จากปัญหาที่เกิดขึ้น ตนไม่รู้จะปรึกษาใคร และคุยเรื่องที่เคยใช้ยาเสพติด เพื่อจะเข้าบำบัดลูกก็ไม่คุยด้วย 



และการที่ น.ส.เอ หลานสาวออกจากบ้านไป ทราบว่า น.ส.พรปวี ลูกสาวของตน เดินทางกลับมาจากฮ่องกง เพื่อมาหาลูกสาว แต่ไม่ยอมเข้าบ้าน แล้วโทรให้ น.ส.เอ ออกไปหาที่สนามบิน ซึ่งตนยังได้โทรบอกหลานสาวว่า เมื่อถึงสนามบินพบกับแม่แล้ว ให้โทรบอกยายด้วย อย่างไรก็ตาม อยากให้ลูกสาวให้อภัยแม่ พูดกับแม่บ้าง แม่ขอกลับตัว และ นางวลีรักษ์ ยังกล่าวด้วยว่า ที่ลูกให้แจ้งตำรวจเข้ามาช่วย เพราะลูกรักแม่


อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจปัสสาวะนางวลีรักษ์ ปรากฏผลขึ้น ขีดเดียว หรือ มีผลเป็นลบ คือไม่พบสารเสพติด แต่ด้วยนางวลีรักษ์ รับสารภาพและสมัครใจเข้าทำการบำบัดรักษา ตำรวจจึงลงบันทึก และส่งนางวลีรักษ์ เข้าสู่กระบวนการบำบัดต่อไป

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง