"หนุ่ม กะลา" ตั้งโต๊ะแถลง หลังฟ้อง "จูน เพ็ญชุลี" 9 ปีเงินหายไป 66 ล้านบาท!

"ทนายเดชา" เผยวันนี้พา "หนุ่ม กะลา" มาเปิดใจ เพราะ ว่าที่ผ่านมาภรรยาเขาเปิดใจมาหลายรายการ และมีการปล่อยข่าวไปทางโซเชียลและสื่อเยอะแยะมากมาย สังคมฟังความข้างเดียว ทำให้คิดว่าคุณหนุ่มไม่มีความรับผิดชอบกับครอบครัว วันนี้อยากมาเปิดใจเรื่องห้างหุ้นส่วนจำกัดทองบริบูรณ์ 365 ซึ่งเป็นห้างที่หนุ่มเคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และน้องสาวเป็นหุ้นส่วน เงินหายจากบัญชีตั้งแต่ปี 58 จนถึงปี 66 เป็นเวลา 9 ปี มันหายไป 66 ล้านกว่า ซึ่งเราได้มีการตรวจสอบรายการเดินบัญชีในคดีชู้ ซึ่งภรรยาเขามีการฟ้องเรื่องชู้และมีการเรียกรายการเดินบัญชี แล้วผมเอาเอกสารในสำนวนนั้นมาทำการตรวจสอบ พบว่ามีเงินหายไปจากบัญชี ก็เรื่องถามทางหนุ่มว่า เงินหายไปรวมๆ แล้ว 66 ล้าน ทราบไหม หนุ่มบอกไม่ทราบ แล้วก็ช็อกเลย แล้วเอารายการเดินบัญชีของภรรยาและของห้างทองฯ มาเทียบกัน เห็นว่าเงินไปเข้าบัญชีของภรรยาหมด สุดท้ายเงินในบัญชีเหลือ 2-3 แสนบาท จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานฟ้องไปเมื่อ 16 พ.ค. 67 ที่ออกมาชี้แจ้งวันนี้เพราะคู่กรณีออกมาปล่อยข่าวทางโซเชียลเต็มไปหมดเลย เราเสียหาย เลยต้องออกมาชี้แจง

หนุ่ม เผย "ไม่ได้อยากให้เป็นข่าว ตั้งแต่มีข่าวมือที่ 3 ผมออกมาพูดแค่ครั้งเดียวด้วยซ้ำ ออกรายการแค่ครั้งเดียว ที่ไม่ออกมาพูดเพราะกลัวกระทบถึงลูก เข้าใจผิดหรือเข้าใจถูกก็ไม่สำคัญ สำคัญว่าสิ่งนี้มันบานปลาย เรื่องมันจะไปถึงลูกและมันกระทบต่อเด็ก"

"ครั้งนี้ก็ไม่ได้คิดว่าจะพูด วันนั้นผมอยู่ที่วัดผมจะบวช ผมขอพี่เดชาว่าพี่อย่าทำข่าวนะ ผมจะบวช พี่เดชาก็รับปาก แต่ทีนี้ด้วยความที่เราไม่ได้ทำข่าว แล้วอยู่ดีๆ ก็เริ่มมีข่าวออกมาว่ากำลังจะบวชเพราะหนีไปอยู่กับเมียน้อยหรืออะไรก็ตามแต่ เรื่องต้องออกมาพูดหน่อยเพราะมันไปไกลแล้วเหมือนกัน"

"เจตนาที่ไปฟ้องต่อศาล เพราะ ปัญหายักยอกมันเป็นปัญหาภายใน แต่พอฝั่งนั้นเขาพูด มันก็ถึงเวลาที่ผมต้องอธิบายว่ามันเกิดอะไรขึ้น"

เล่าย้อนไปเรื่องการตรวจรายการเดินบัญชีมันมีเรื่องสงสัยอะไรเกิดขึ้นไหม?

"ไม่ได้มีข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับเงิน เพราะ เป็นสามีภรรยากัน ผมจ่ายค่าไฟเองยังไม่เป็นเลย ผมมีหน้าที่หาเงินอย่างเดียว ตอนที่คุยกันเรื่องคืนบัญชี เขาคืนเงินมา 2 หรือ 3 แสนนี่แหละ เรารู้สึกว่าเราต้องรับผิดชอบรายเดือนเขาและลูกๆ อีกหลายแสน เกินจำนวนที่เขาคืนด้วยซ้ำ แล้วเงินไปไหนหมด? เขาไม่เคยให้เหตุผลเรื่องเงินอะไรกับผม ผมได้เงินเดือน เดือนละ 4 หมื่นบาท ผมถึงแอบตกใจว่าเงินไปไหน พอเช็คคร่าวๆ ทางมือถือ ว่าโอนไปหา 'เพ็ญชุลี' "

"ผมเคยพูดกับจูนว่า ทำไมบ้านเราถึงไม่มีเงิน 10 ล้านสักที ผมเป็นนักร้องที่น้อยเนื้อต่ำใจมาก ทุกครั้งที่ผมไปแบงค์ผมต้องเป็นคนเซ็นชื่อเพื่อเบิกเงิน คนเดียวเท่านั้น คำถามคือทำไมเงินถึงไปหาเขาได้ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้เซ็นชื่อ และทุกครั้งที่ผมไปแบงค์ สมมุติผมทำงานตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึงเดือนมิ.ย. สมมุติได้ 10 ล้าน ตีแบบใช้ฟุ่ยเฟื่อยสุดๆ น่าจะเหลือสัก 5 ล้าน แต่มันจะเหลือ 2-3 ล้าน เราจะรู้สึกว่าเงินของเราไปไหน? เขาบอกมันมีค่าใช้จ่ายนู่นนี่ ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นตอนมีข่าวล่าสุด เป็นตั้งแต่เป็นวงกะลา"

"ผมคุยกับเขามาตลอดหลายเดือน ผมเป็นหนี้อยู่ 10 กว่าล้านหรือ 20 ล้าน ถ้าบริหารเงินผมได้จริง ผมเป็นนักร้องมา 26 ปี ทำไมผมถึงเป็นหนี้ 20 ล้าน ถ้าผมหาเงินได้ปีละ 20 กว่าล้าน"

"ผมเลยมาหาพี่เดชา ผมไม่ได้จะเอาเงินคืนแต่ขอเขามาตลอดว่าปิดหนี้ให้หน่อย ถ้าเป็นไปได้ขอเงินติดตัว 5 ล้านได้ไหม ถ้า 5 ล้านไม่ได้ไม่เป็นไร ปิดหนี้ให้หน่อยแล้วจบกัน ซึ่งช่วงหลังจูนบอกว่าจะหย่าอยู่ประจำ แต่ผมบอกยังหย่าไม่ได้ เพราะเงินของฉันมันอยู่ที่ไหน เราต้องคุยกันเรื่องนี้ก่อน" 

"ตอนนี้ผมได้เดือนละ 1 แสน หลังจากแยกบ้านมา 2 ปีหรือ 1 ปีครึ่ง ผมขอเพิ่มเพราะ 4 หมื่นไม่พอ ไปทัวร์คอนเสิร์ตทีต้องเลี้ยงข้าวลูกน้อง กลับไปอยู่กับแม่ ก็ต้องรับผิดชอบบางอย่างด้วย"

ซึ่ง "ทนายเดชา" ย้ำว่า "เหตุที่ไม่ฟ้องหย่าและแบ่งสินสมรส เพราะ มันไม่มีสินสมรส ในเมื่อสินสมรสหายไป 66 ล้านมันก็จะไปฟ้องหย่าและแบ่งสินสมรสไม่ได้ ฟ้องไปก็ไม่มีสินสมรสก็ต้องใช้คดีอาญา ในเงินส่วนนี้ที่ฟ้องไป ไม่ใช่สินสมรส เป็นเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดทองบริบูรณ์ นี่มันคนละเรื่องเลยนะ ในส่วนของหนี้สินที่เกิดขึ้นหลังจากจดทะเบียนสมรส หนี้สิน ทรัพย์สินเวลาหย่ากันก็ต้องแบ่งกันครึ่งหนึ่ง เป็นไปตามกฎหมายครอบครัว แต่เรื่องการยักยอกเงินไปมันคนละส่วน เงินที่ยักยอกไปไม่ใช่สินสมรสนะ โจทก์ที่ฟ้องไปเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ไม่ใช่ 'หนุ่ม กะลา' นะ"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• สวนกลับ!!! “จูน เพ็ญชุลี” ชี้แจงรายจ่ายทั้งหมด