ฉุนหลานพาเพื่อนมั่วสุม ตายิง 5 นัดทะลุผนังโดนเพื่อนหลานดับ

ฉุนหลานพาเพื่อนมั่วสุม ตายิง 5 นัดทะลุผนังโดนเพื่อนหลานดับ

47010 มิ.ย. 67 09:33   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

ตาสุดทนหลานชายวัย 15 พาเพื่อนมามั่วสุม ดื่มน้ำท่อม เปิดเพลงเสียงดังไม่เว้นวัน สุดท้ายยิงใส่ผนังห้อง 5 นัด กระสุนโดนเพื่อนหลานเสียชีวิต ญาติคนตายรุมประณามใจร้ายโหดเหี้ยม

(10 มิ.ย. 67) เวลา 21.00 น. คืนที่ผ่านมา(9 มิ.ย.) ตำรวจ สภ.เมืองหนองบัวลำภู รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุ 191 เกิดเหตุฆ่ากันตายที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่บ้านข่าใหญ่ หมู่ที่ 3 ต.หัวนา อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู จึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวร


ในที่เกิดเหตุพบนายบัวเรียน อายุ 62 ปี เจ้าของบ้าน นั่งรอมอบตัวอยู่พร้อมอาวุธปืนพกสั้น ออโตเมติกขนาด 9 มม.ยี่ห้อ STI GP 6 และแม็กกาซีนเปล่า 1 อัน โดยบอกว่าตนได้ใช้อาวุธปืนยิงผนัง ทะลุเข้าไปในห้องพักของ นายเอ(นามสมมติ) วัย 15 ปี หลานชาย เนื่องจากโมโหที่หลานพาเพื่อนมามั่วสุมดื่มน้ำท่อมกันทุกวัน ไม่ไปเรียน แถมยังเปิดเพลงเสียดัง ก่อนจะพบว่ากระสุนนัดหนึ่งไปถูกเพื่อนหลานชายเสียชีวิต


เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบบริเวณโดยรอบ และภายในห้องของบ้านหลังที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กแยกมาจากบ้านหลังใหญ่ ซึ่งบ้านหลังนี้ มีนายเออาศัยอยู่ลำพัง พบรอยกระสุนปืนที่ฝาผนังห้องที่ทำจากกระเบื้องแผ่นเรียบยิงทะลุเข้าไปในห้องจำนวน 5 รู ในห้องพบศพ ชายวัยรุ่น ทราบชื่อภายหลังคือ นายบี(นามสมมติ) อายุ 15 ปี 7 เดือน ถูกยิงเสียชีวิตอยู่ บริเวณที่พบศพซึ่งอยู่ใกล้กับประตูห้อง เจ้าหน้าที่ พฐ.พบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.ตกอยู่ที่พื้นจำนวน 5 ปลอก แต่ไม่พบหัวกระสุนคาดว่าน่าจะทะลุหน้าต่างออกไปข้างนอก



นางทองเรียบ ภรรยาของนายบัวเรียน ผู้ก่อเหตุเล่าให้ฟังว่า นายเอหลานชายของตน มักพาเพื่อนมามั่วสุมอยู่ในบ้านหลังเล็ก เป็นประจำทุกวัน สร้างความอิดหนาระอาใจให้กับตนและสามีอย่างยิ่ง วันนี้นายเอก็พาเพื่อนมามั่วสุมอยู่ในบ้านหลังเล็ก แล้วปิดประตู ห้องไม่ให้ใครเข้าไปรบกวน เปิดเพลงเสียงดังลั่น ตนเองไปเคาะประตูเรียกก็ไม่เปิด


เวลาประมาณ 20.00 น นายบัวเรียน สามีกลับมาจากไปทำงานให้อาจารย์คนหนึ่งในเขตตำบลเดียวกัน ตนจึงไปบอก ให้ไปเรียก หลานชาย เพื่อห้ามปราม และให้แยกย้ายกันออกไป นายบัวเรียน มีอาการหงุดหงิดเดินไปตบประตูเรียกหลานชายหลายครั้งก็ไม่เปิดจึงตะโกนว่า “ไม่เปิดจะยิงเข้าไป” กลุ่มหลานชายและเพื่อนต่างก็ไม่เปิดประตู


นายบัวเรียนโมโหสุดขีดเดินกลับมาที่บ้านหลังใหญ่ คว้าปืนเดินกลับมาที่บ้านหลานชาย นางทองเรียบบอกว่าตนตกใจมากพยายามห้าม ว่าอย่าทำ แค่สั่งสอนก็พอ แต่ไม่กล้าเข้าไปขวาง เพราะกลัวปืนในมือนายบัวเรียน ตนเดินตามไปเห็นแต่สามีผลักประตูชั้นนอกเข้าไปในห้องชั้นในที่หลานชายและเพื่อนมั่วสุมอยู่ปิดประตูแน่น เห็นนายบัวเรียนกระหน่ำยิง จนหมดแมกกาซีน ประมาณ 5 นัด แล้วเดินกลับไปบ้าน


ตนตกใจมาก มารู้ภายหลังว่า กระสุนปืนถูก เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่อยู่ในห้อง นอนจมกองเลือด จึงรีบโทรแจ้ง ศูนย์กู้ชีพ 1669 ส่วน หลานชายและเพื่อนที่เหลือ ต่างแตกวิ่งหนีกระจัดกระจาย ภายหลังจึงโทรแจ้งเหตุไปที่ 191 จนกระทั่งเจ้าหน้าที่มา


ขณะเดียวกันญาติของนายบี ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิต ได้มาที่หน้าบ้านหลังที่เกิดเหตุ แล้วตะโกนด่าทอนายบัวเรียนว่าแก่แล้วยังมีจิตใจเหี้ยมโหด ฆ่าเด็กได้ลงคอ เจ้าหน้าที่จึงออกมาป้องปรามกลุ่มคนเหล่านั้นจึงค่อยเงียบไปในที่สุด



ผู้สื่อข่าวติดตามมาที่ แผนกสืบสวน สภ.เมืองหนองบัวลำภู ได้พบกับนายบัวเรียน มือปืนผู้ก่อเหตุ ให้การว่าปืนเป็นอาวุธของลูกชายซึ่งเป็นทหาร เก็บไว้ในบ้าน ยอมรับว่าตนเป็นคนใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงถล่มเข้าไป โดยไม่เห็นตัวผู้อยู่ในห้อง เนื่องจากปิดประตูมิดชิด สาเหตุที่ มีอารมณ์หงุดหงิด ก็เนื่องจากว่า เสียใจและผิดหวังกับหลานชาย ที่ทำตัวไม่เหมาะสม ประพฤติตนเกเรไม่ไปเรียน ทั้งๆ ที่ตกลงกันแล้วว่าจะไปเรียน วิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จังหวัดขอนแก่น ทั้งไปจ่ายเงินค่าหนังสือ ค่าเทอม ค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว แต่ถึงเวลาก็ยังไม่ไปเรียน จนอาจารย์ที่วิทยาลัยโทรมาตามเมื่อวานนี้ก็ยังไม่ไปตนกล่อมว่าไปเข้าเรียนสักปีก่อนค่อยย้ายกลับมาแล้วตาจะซี้อรถ จยย.รุ่น PCX ที่อยากได้ให้แต่ก็เหลว นายเอไม่ยอมไปเรียน


วันนี้เมื่อกลับมาภรรยาเล่าให้ฟังว่า หลานชายพาเพื่อนมามั่วสุมอีก จึงเดินไปตบประตูเรียกไม่ยอมเปิด ไม่ยอมเปิดก็เลยยิง โดยไม่รู้ว่าถูกใครหรือไม่ เพราะยิงเสร็จก็กลับมานั่งที่บ้าน ภายหลังได้ยินเสียง เพื่อนของหลาน แตกตื่นร้องบอกกันกับชาวบ้านและยายจึงรู้ว่า มีคนถูกปืนที่ตนยิงเข้าไปจนถึงแก่ความตาย ตนปลงตกจนนั่งรอตำรวจให้มาจับไม่หนีไปไหน


ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นายเอพ่อกับแม่แยกทางกัน ตั้งแต่ยังแบเบาะนายบัวเรียนและนางทองเรียบเลี้ยงดูมาแทนเพราะแม่นายเอไปทำงานที่ประเทศเกาหลี เบื้องต้นตำรวจ แจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาไว้ก่อน  ข่าวคืบหน้าจะรายงานต่อไป



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง