คนร้ายงัดร้านนวด กวาดทรัพย์สินไปกว่า 2 แสนบาท

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 16 ต.ค.67 ร.ต.อ.ธงชัย ศรีสำโรง พงส.สภ.พระสมุทรเจดีย์ ได้รับแจ้งจาก นางนงลักษณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี เจ้าของร้านนวดแผนไทย ในพื้นที่หมู่ 5 ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ว่ามีคนร้ายเข้ามางัดร้านฯ กวาดทรัพย์สินที่มีค่าไปหลายรายการ จึงเดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ เป็นร้านปลูกแบบชั้นเดียว อยู่ริมถนนป้อมพระจุล-วัดสาขลา ด้านหน้าที่ว่าการอำเภอพระสมุทรเจดีย์ พบเจ้าของร้านยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ พร้อมพาไปชี้ดูร่องรอยคนร้าย ที่เข้ามาบริเวณด้านหลังร้าน ก่อนจะงัดหน้าต่างข้างร้าน เข้ามาขโมยทรัพย์สินมีค่า อาทิ 

• โทรทัศน์ขนาด 29 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง 
• พัดลมยืนพื้นขนาด 18 นิ้ว จำนวน 1 ตัว 
• ชุดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะพร้อม CPU จำนวน 1 ชุด 
• กล้องวงจรปิดพร้อมการ์ดบันทึกข้อมูลจำนวน 1 ตัว 
• ทองรูปพรรณเป็นสร้อยข้อมือ น้ำหนัก 1 บาท จำนวน 1 เส้น 
• สร้อยคอน้ำหนัก 2 บาท จำนวน 1 เส้น 
• เหรียญ ร.5 เลี่ยมทอง น้ำหนัก 50 สตางค์ จำนวน 1 องค์ 
• เงินเหรียญชนิดราคาต่างๆที่เก็บสะสมไว้จำนวน 300-400 บาท 
• ธนบัตร 100 บาท จำนวน 2 ใบ 
• พระหลวงพ่อโสธรหน้าตัก 9 นิ้วจำนวน 1 องค์ 
• เหรียญและพระผงไม่ทราบจำนวน 
• ถังแก๊สขนาด 15 กก.จำนวน 1 ถัง 
• กางเกงนวด จำนวน 1 ตัว 
• ผ้าปูเตียงนวด จำนวน 1 ผืน 
• น้ำมันนวดยังไม่ทราบจำนวน 

นางนงลักษณ์ ให้ข้อมูลว่า ร้านของตนเปิดบริการนวดแผนไทย มานานกว่า 8 ปี ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วง 05.00 น.ของวันที่ 12 ต.ค.67 ที่ผ่านา ตนได้เดินทางไปหาน้องสาวที่ จ.กำแพงเพชร ก่อนจะกลับมาถึงร้าน เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 15 ต.ค.67 ที่ผ่านมา เมื่อเปิดประตูเข้าไปต้องตกใจ พบว่า ข้าวของเกลื่อนพื้นร้าน จึงเดินไปดูประตูหลังร้านซึ่งเปิดอ้าอยู่ และมีรอยรองเท้าที่เปื้อนโคลนเดินอยู่เกือบทั่วพื้นหลังบ้าน

ตนจึงรีบเดินไปเปิดประตูห้องนอน ตรวจสอบทรัพย์สินหลายอย่างหายไป รวมมูลค่าเบื้องต้นกว่า 200,000 บาท เมื่อมาตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้าย ก็ไม่สามารถดูได้ เนื่องจาก ถูกคนร้ายยกกล้องและการ์ดบันทึกไปด้วย

ตนคิดว่า คนร้ายไม่น่าจะมาก่อเหตุเพียงคนเดียว เนื่องจาก ทรัพย์สินที่หายไปเป็นของชิ้นใหญ่ และมีหลายรายการ คาดว่า น่าจะมากันหลายคนและน่าจะใช้รถยนต์ในการขนของหลบหนี และที่น่าแปลกใจคือ เหล้ายี่ห้อหนึ่ง ที่ลูกชายตนดื่มไปแล้วเหลืออยู่ครึ่งขวด ก็ถูกคนร้ายดื่มไปจนหมด

และทีวีเครื่องที่ตั้งอยู่กลางร้าน ก่อนที่ตนจะเดินทางไปหาน้องสาว ได้เปิดดูรายการของช่องหนึ่งไว้ แต่เมื่อตนเปิดดูอีกครั้ง พบว่า ทีวีถูกเปลี่ยนช่องเป็นช่องอื่น จึงคิดว่า คนร้ายน่าจะใจเย็นในการลงมือก่อเหตุ เพราะยังมีเวลานั่งดื่มเหล้า และเปิดทีวีดุเหมือนเป็นบ้านของตัวเอง 

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เบื้องต้น ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ออกตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คิดว่า คนร้ายใช้หลบหนี เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป