เกินจะทน! หลาน 19 ติดยา โวยวายด่ายายหลังขอเงินไม่ได้ ตาหมดความอดทน ยกปืนขู่ เกิดลั่นเข้าหน้าอก เจ็บสาหัส

(22 ส.ค.67) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์รายงานว่า เพจ Facebook กู้ภัยสุรินทร์ จุดอำเภอบัวเชด ได้โพสต์ภาพฟิล์มเอกซเรย์ของผู้บาดเจ็บที่มีกระสุนปืนฝั่งคาอยู่กลางหน้าอก พร้อมระบุข้อความว่า “อำเภอบัวเชด บ้านไทยเจริญ ตำบลสำเภาลูน โหดจัด เด็กวัยรุ่นชาย 19 ถูกยิง กระสุนฝั่งในคาอก บาดเจ็บสาหัส” จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้ทำการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยสุรินทร์ จุดอำเภอบัวเชด จึงทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงเวลาประมาณ 19.30 น. ของวันที่ 20 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตาใช้อาวุธปืนยิงหลานแท้ๆของตัวเอง และผู้บาดเจ็บนั้นก็ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบัวเชด

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รุดพื้นที่ไปยังบ้านที่เกิดเหตุ ได้พบกับนายสุทัศ อายุ 61 ปี ผู้เป็นตาที่ก่อเหตุยิงหลาน นั่งอยู่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งนายสุทัศ เพิ่งจะได้รับการประกันตัวออกมาจาก สภ.สะเดา อ.บัวเชด โดยมีญาติที่เป็น ส.อบต. ใช้ตำแหน่งในการค้ำประกัน 

โดยนายสุทัศ เผยว่า เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากการที่หลานของตนคือนาย อาร์ม อายุ 19 ปี นั้นมีอารมณ์ก้าวร้าวมาก ขอเงินยายไม่ได้ก็โวยวาย แต่พอตนด่าเพื่อที่จะสั่งสอนกลับถูกหลานด่ากลับเสียๆหายๆ อีกทั้งยังเคยขู่ตนอีกว่า “หนังตานั้นกันกระสุนได้ไหม” ซึ่งหลานของตนนั้นมีพฤติกรรมแบบนี้มานานแล้ว ชอบมาขู่ยายเพื่อขอเงินไปซื้อยามาเสพ ซึ่งก่อนหน้านี้หลานก็มีคดีติดตัวเรื่องยาเสพติดที่ตนเพิ่งจะไปประกันตัวออกมาจากศาล ซึ่งถ้าไม่เกิดเรื่องในวันนั้นขึ้นมาก่อน วันนี้ก็ต้องไปเข้ารับการบำบัดแล้ว

นายสุทัศ ยังเล่าต่ออีกว่า ก่อนที่ตนจะไปหยิบปืนออกมา ตนได้ยินหลานด่ายายเสียงดังอยู่ที่ครัวนอกบ้าน ประมาณว่า “แค่นี้ก็ขอเงินไม่ได้ ขอแค่นี้ก็ไม่ได้” ด่ายายอยู่สักพักใหญ่ๆ ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่เมื่อประมาณปีที่แล้ว ให้เรียนก็ไม่เรียน งานการก็ไม่ทำ บางทีขอเงินยายไม่ได้ ก็ทุบตียายจนชอกช้ำ บางครั้งถึงขั้นเดินไม่ได้ เป็นแบบนี้หนักขึ้นทุกวันๆ จนวันนี้ตนทนไม่ไหว ฟิวส์ขาดเลยไปหยิบปืนออกมา แต่ตนไม่ได้ตั้งใจที่จะยิง เพียงแค่ยกปืนขึ้นมาเพื่อที่จะขู่หลานให้กลัว และให้หยุดด่ายาย แต่ปืนเกิดลั่น ตอนแรกตนก็ไม่คิดว่ากระสุนจะไปโดนหลาน เพราะจุดที่ตนยืนนั้น อยู่ห่างจากตัวหลานมากกว่า 10 เมตร อีกอย่างตนก็ไม่ได้เล็งปืนใส่หลาน ตนก็ไม่คิดว่าปืนมันจะลั่นด้วย เพราะปืนมันมีสภาพเก่ามากๆ

ทั้งนี้นายสุทัศ ยังบอกว่า หลังจากที่ปืนลั่นใส่หลานแล้ว ตนก็ได้วิ่งเข้ามาดูหลาน เห็นเพียงว่ามีรอยกระสุนทะลุที่หนังใต้ต้นแขน แต่ไม่เห็นว่ากระสุนเข้าไปที่หน้าอก เพราะตอนนั้นไม่มีเลือด ทีแรกตนก็กะว่าจะพาหลานขึ้นรถกระบะไปที่โรงพยาบาลเอง แต่เหมือนหลานจะเจ็บไม่มากก็เลยขับรถมอเตอร์ไซค์ไปที่โรงพยาบาลเองกับเพื่อน จากนั้นตนก็ขับรถกระบะตามไปที่โรงพยาบาลเพื่อเซ็นรับรองการเข้ารับการรักษาให้หลาน ตนยอมรับว่าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ลึกๆตนก็รักหลานเพราะตนเลี้ยงมาเองตั้งแต่แบเบาะ พ่อแม่หลานแยกทางกัน และไปทำงานอยู่ที่ กทม. 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามนางสุธาสินี ผาผล (ผู้ใหญ่บ้าน) เล่าว่า ตนได้มาทราบเรื่องก็ตอนที่กู้ภัยโทรมาบอกว่ามีลูกบ้านของตนก่อเหตุยิงหลาน จากนั้นตนก็ได้รีบเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ซึ่งสาเหตุตนทราบมาว่าหลานคนนี้ชอบมีพฤติกรรมรุนแรง ข่มขู่ขอเงินตากับยาย เพราะว่าหลานคนนี้มีประวัติเสพยาเสพติดมาหลายปีแล้ว ไม่ได้เรียนหนังสือ ตอนนี้ก็ไม่เห็นทำงาน ซึ่งตนเห็นหลานคนนี้อยู่กับตายายตั้งแต่เล็กๆ หลานจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ถามคำตอบคำ ชอบเก็บตัวเงียบ เต็มที่ก็จะอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆของเขา ส่วนผู้เป็นตาก็ถือว่าเป็นคนใจดีคนหนึ่ง และเป็นคนรักหลาน เพราะแกเลี้ยงเองกับมือมาตั้งแต่เด็กๆ ครั้งนี้ตนคิดว่าตาน่าจะหมดความอดทนจริงๆ

ส่วนด้านคดี ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถาม พ.ต.ท. ปภาวิน เพ็ชร์นอก สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจภูธรสะเดา อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ทราบว่า เบื้องต้นอยู่ในกระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ แต่ก็ได้แจ้งข้อหากับนายสุทัศ (ผู้เป็นตา) เอาไว้ก่อนคือ คดีพยายามฆ่า และ พรบ.เกี่ยวกับอาวุธปืนที่ครอบครองโดยไม่มีใบอนุญาต และฝากบอกไปถึงสังคม และประชาชนที่ติดตามข่าวเรื่องคดีนี้ด้วยว่า เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนของสภาพจิตใจ 

อีกทั้งผู้เป็นหลานนั้นก็มีภาวะทางครอบครัวมาตั้งแต่ยังเล็ก จึงไม่อยากให้เกิดการซ้ำเติมจากสังคม ยังไงก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ ผู้นำชุมชน และครอบครัวก็จะพยายามหาวิธีในการบำบัดรักษาในเรื่องของยาเสพติดที่ผู้เป็นหลานใช้อยู่ ส่วนการระบาดของยาเสพติดที่อยู่ในพื้นที่ สภ.สะเดา นั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงมีการเข้มงวดกวดขันอยู่ตลอด และทาง สภ.สะเดา เอง ก็มีผลงานในการกวาดล้าง และจับกุมอยู่ให้เห็นเรื่อยๆ