สองตา - ยาย สู้ชีวิตทำสิ่งประดิษฐ์จากไม้ขาย ขอบคุณรายการปัญญาปันสุข

สองตา - ยาย สู้ชีวิตทำสิ่งประดิษฐ์จากไม้ขาย ขอบคุณรายการปัญญาปันสุข

75619 ส.ค. 67 23:36   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

สองตา - ยาย สู้ชีวิต นำกะลามะพร้าวและเศษไม้ที่เหลือใช้มาประดิษฐ์เป็นตุ๊กตาและรถเก่าโบราณ สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวในชีวิตบั้นปลาย หลังเผชิญชะตากรรมชีวิตพลิกผัน ขอบคุณรายการปัญญาปันสุขมาช่วยเหลือ

(19ส.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สิ่งประดิษฐ์จากกะลามะพร้าวและเศษไม้ที่เหลือใช้ด้วยไอเดียเก๋ไก๋ของ คุณสวรรค์ ฮิงหลวง วัย 72 ปี และ คุณศรีอวน เลิศทอง วัย 76 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ที่ 6 ต.บัวงาม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ซึ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านไม้เก่า 2 ชั้น ยกเสาร์สูง มีใต้ถุนบ้าน เป็นลักษณะบ้านไทยโบราณสภาพผุพังทรุดโทรมไปตามกาลเวลา สังเกตใต้ถุนบ้านจะมีชิ้นส่วนเศษไม้ที่ลุงได้เลื่อยใส่ถุงพลาสติกห้อยไว้เป็นจำนวนมาก ต้องค่อย ๆ เดินเข้าไปด้านในเจออุปกรณ์การทำมาหากินของลุงสวรรค์ ที่ประกอบอาชีพด้วยการประดิษฐ์งานฝีมือจากกะลามะพร้าวและเศษไม้ทำเป็นของเล่นเด็ก ของขวัญ ของโชว์ในตู้สวยงาม ไปขายตามแหล่งท่องเที่ยว  



แต่หลังจากเกิดสถานการณ์โควิด 19 ทำให้ความเป็นอยู่ใช้ชีวิตลำบาก ออกขายไม่ได้ รายได้มีไม่พอกับการใช้จ่าย มีเพียงเบี้ยผู้สูงอายุของคุณลุงสวรรค์เป็นเงิน 600 บาท ของป้าศรีอวนเป็นเงิน 700 บาท รวมเป็น 1,300 บาท ใช้เลี้ยงประทังชีวิตเท่านั้น ซึ่งก็ต้องเหมารถรับจ้างไปขายแต่ละครั้งก็หลายพันบาท นาน ๆ จะไปสักครั้งหนึ่ง ด้วยอายุที่สูงวัย ทำมาหากินก็ไม่สะดวกเหมือนแต่ก่อนแล้ว  

          

คุณสวรรค์ กล่าวว่า วันนี้กำลังประกอบตัวพระพิฆเนศที่ทำจากเศษไม้ เนื่องจากทางอาจารย์กรมศิลป์ได้เข้ามาช่วยออกแบบ ทำให้มีงานทำ ปีที่แล้วมีนักเรียนเคยมาเรียนจากที่นี่ไปแล้ว จะสอนให้ฟรี ทำตรงนี้ทำเพื่อประโยชน์ต่อสังคม ชีวิตที่ผ่านมาลำบากมาก ออกจากบ้านที่ดำเนินสะดวกตอนอายุ 11 ปี ไปทำอาชีพแบกน้ำแข็งอยู่ 6 ปี ได้เงินเดือน เดือนละ 150 บาท และไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯได้เงินวันละ 30 บาท ทำมาปีกว่า 


คุณสวรรค์ กล่าวต่อไป เวลาผ่านมาประมาณ 60 ปีแล้ว จากนั้นไปทำงานโรงงานแบกเหล็กอยู่ 6 ปี และออกมารับจ้างทั่วไปอีก เมื่อปี 2528 แต่งงานกับภรรยามีอาชีพเป็นหัวหน้าแผนกตัดเย็บทำผ้าอยู่บริษัทแห่งหนึ่งจึงหารายได้เสริมด้วยการไปหาซื้อผ้ามาขายเป็นเสื้อผ้าเด็กขายที่แคมป์คนงานก่อสร้างตัวละ 10 บาท จึงเป็นจุดเกิดที่ครอบครัวตนเองมีเงินมากถึงประมาณ 20 กว่าล้านบาท จากการที่มีจักรเย็บผ้าอยู่เพียงตัวเดียว กลายมามีจักรมากถึง 30 – 40 ตัว ธุรกิจได้เริ่มขึ้น ลงทุนวันนั้นเพียงแค่ 350 บาท ขายได้กำไรเท่าตัว จึงให้ภรรยาลาออกจากงานมาช่วยกันทำธุรกิจตัดผ้า 


คุณสวรรค์ บอกว่า โดยซื้อเศษผ้ามาทำเป็นเสื้อผ้าเด็กขาย ธุรกิจไปได้ดีมากช่วงนั้นและได้ขยายกิจการเย็บผ้า และเพิ่มคนงานมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ทำผ้ามากว่า 40 ปี โดยมีเงินสดอยู่กว่า 10 ล้านบาท คิดว่าทำอย่างไรเงินถึงจะงอกเงยมากขึ้นมาอีก จึงรับเศษผ้าจากอ้อมน้อยไปส่งที่หนองคายกิโลกรัมละ 2 บาทเศษ ไปส่ง จ.หนองคาย กก.ละ 30 กว่าบาท ขายดีมากเพราะนำไปดึงทำเสื้อยืด ทำใยสังเคราะห์ที่ทำฟูก ทำหมอน เศษผ้าเสื้อยืดได้ช่วยเพิ่มมูลค่าในอาชีพ ชุดลำลองนำไปขายชุดละ 120 บาท และขยายแผงร้านค้าเพิ่มมากขึ้น มีรายได้วันละ 1 แสนบาท ทำงานอยู่กว่า 40 ปี ทำให้มีเงินมากขึ้น 

          

คุณสวรรค์ บอกต่อไปว่า แต่ด้วยมีความรู้น้อย ไม่มีประสบการณ์ด้านการค้า มีอย่างเดียวคือกำลังแรงกาย ต่อมาไปเซ้งบูทแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สัญญา 3 ปี เป็นเงิน 1.5 ล้านบาท ได้ไปทำงานขาดทุนตรงนั้น เมื่อเสื้อเหลือง เสื้อยืดมาลงช่วงนั้นเริ่มมาตีตลาดแล้ว เสื้อผ้ามือสองก็เข้ามาด้วย ทำให้การเงินเริ่มลดลงเรื่อย ๆ จนหมดตัว จึงบอกกับภรรยาว่า เมื่อเรายังจนอย่าให้เสียเครดิต จึงค่อย ๆ ถอย แม้แต่รถยนต์ตัวเองก็ปล่อยขายจนหมดไม่มีอะไรเหลือเลย 


"แม้แต่จักรเย็บผ้าก็ให้คนงานเอาไปสร้างอาชีพต่อไป จากที่มีเงินเป็นสิบล้านอาชีพนี้ใช้เวลา 40 ปี แต่ก็ต้องมาเจ๊งกับธุรกิจนี้และได้กลับมาอยู่ที่บ้านดำเนินสะดวกเมื่อปี 2551 ซึ่งเป็นบ้านที่เคยปลูกให้แม่อยู่สมัยนั้น" คุณสวรรค์ บอก


คุณสวรรค์ เล่าต่อไปว่า ส่วนการยึดอาชีพนี้ มองเห็นที่บ้านมีกะลามะพร้าวเยอะ คิดว่าจะทำอะไรดี จึงคิดทำเป็นรถตุ๊ก ๆ ก่อน เมื่อปี 2551 รถตุ๊ก ๆ เป็นเอกลักษณ์ของไทย บังเอิญภรรยานำไปขายที่สนามหลวง มีอาจารย์จากกรมศิลปากรมาพบเข้า จึงแนะนำให้ไปขึ้นทะเบียนเอาไว้ ตอนนั้นไม่รู้ว่าการจดทะเบียนเป็นสินค้าโอทอปเป็นอย่างไร ภรรยาได้มาขึ้นทะเบียนที่ อ.บางแพ จ.ราชบุรี มีเจ้าหน้าที่มาช่วยทำให้ได้เป็นสินค้าโอทอป ขนาด 3 ดาว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสิ่งประดิษฐ์ขึ้นมาเรื่อย ๆ ทั้งทำเป็นตุ๊กตา รถเวสป้า รถโฟล์ก กลายเป็นของฝาก ของที่ระลึก มีรายได้เพิ่มขึ้น  

         

คุณสวรรค์ บอกด้วยว่า ล่าสุดมีอาจารย์วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ เจ้าของโรงงานปั้นโอ่งเถ้าฮงไถ่ จ.ราชบุรี และยังมี เอิส สดชื่น เข้ามาช่วยเหลือที่บ้าน นำข้าวสารมาให้ 5 กก. มีผงซักฟอก พร้อมให้เงินไว้ใช้ 5,000 บาท มีคุณค่าที่สุดในช่วงนั้นเพราะไม่มีเงินเลย ต่อมามีรายการปัญญาปันสุขมาช่วยเหลืออีก ได้ส่งคนมาเก็บข้อมูลที่บ้านก่อน จึงให้รายละเอียดไปว่าหลังคาบ้านเก่าทรุดโทรมรั่วหมด


" เขาบอกว่าจะไปออกรายการปัญญาปันสุขให้ ตนเองเลยบอกไปว่าอยากได้สังกะสีมุงหลังคาบ้านแค่นั้นก็พอใจแล้ว เขาก็มาช่วยเหลือนำเรื่องราวไปออกรายการ ช่วยซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ ซ่อมแซมหลังคาให้ ก็กราบขอบพระคุณท่านด้วย ยังคิดว่าสักวันจะต้องได้ไปกราบไหว้ท่าน เขาช่วยให้ผมขายของเหล่านี้ได้ระยะหนึ่ง เหมือนต่อชีวิตที่ไม่มี" คุณสวรรค์ กล่าว


คุณสวรรค์ กล่าวต่อไปว่า ได้นำของไปวางที่โรงโอ่งเถ้าโอง่ไถ่ราชบุรี และร้านขายกาแฟที่ราชบุรีนำของไปฝากขาย เขาไม่ได้คิดค่าวางแต่อย่างใด ตอนนี้พยายามเก็บเงินเพื่อไปซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เพราะตอนนี้ภรรยาเปรียบเสมือนเป็นขาให้ตนเองเวลาจะเดินไปไหนต้องมีไม้เท้าช่วยพยุงเดินไป ร่างกายเริ่มแย่ กับเวลา 18 ปีผ่านมานี้ไม่มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ให้ได้พักผ่อน  

        

"ขอขอบคุณรายการที่มาถ่ายทำวันนี้ ขอบคุณรายการคุณปัญญา คุณติ้ว ที่ช่วยเหลือ อาจารย์จากกรมศิลปากรที่มาช่วยเหลือออกแบบให้ได้มีงานทำ เป็นกำลังใจที่ได้ต่อสู้" คุณสวรรค์ กล่าว



คุณสวรรค์ บอกด้วยว่า ตนเองไม่มีอะไรนอกจากกำลังใจที่แท้จริง ได้มีงานทำตรงนี้จะได้มีเงินเลี้ยงครอบครัว ทุกวันนี้ไม่มีรายได้ บริษัทเวิร์คพอยท์ได้เข้ามาช่วยตรงนี้ทำให้ขายของได้ระยะหนึ่ง ขอบพระคุณมาก สักวันจะไปกราบขอบคุณ รวมทั้งทีมงานของเอิร์ส สดชื่นที่ช่วยเหลือครอบครัวยังนึกถึงอยู่เสมอ  

          

สำหรับขั้นตอนการทำนั้นลุงสวรรค์ บอกว่า ไม่ได้ไปเอามาจากไหน แต่เป็นเพราะความจนเลยทำให้คิดว่าสิ่งไหนที่จะทำขายกลายเป็นเงินทองได้เลี้ยงครอบครัวได้ กว่าจะออกมาเป็นรถคันเล็ก ๆ แต่ละคันไม่ใช่เรื่องง่าย โดยไปหาซื้อไม้ฉำฉาลักษณะสีเหลืองอ่อน และไม้สักสีจะออกเข้มมีลวดลาย จากทางภาคใต้มาเป็นส่วนประกอบ ราคามัดละ 200 กว่าบาท มี 10 แผ่น นำมาออกแบบเป็นรูปทรงต่าง ๆ กันไป โดยมีการใช้กะลาเป็นส่วนประกอบในบางชิ้นงาน บางชิ้นจะให้นอต ทากาวประดิษฐ์ออกมาตามจินตนาการ 



"ราคาเริ่มต้นจะเป็นไม้ที่เกาหลังราคาอันละ 25 บาท รถเวสป้าใช้กะละทำหลังคาทาด้วยแล็กเกอร์ให้เงางามขายคันละ 150 บาท รถโฟล์กคันละ 200 บาท เรือทำจากจั่นมะพร้าวลำละ 350 บาท" คุณสวรรค์ ระบุ


คุณสวรรค์ ระบุอีกว่า ยังมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งกล้องถ่ายรูป พพระพิฆเนศน้อย กะลามะพร้าวแบบแปลก ๆ ราคาแพงสุดอยู่ที่รถตุ๊ก ๆ คันใหญ่ ราคา 800 บาท โดยลุงสวรรค์มีความหวังว่าในชีวิตบั้นปลาย สิ่งประดิษฐ์ที่ลุงได้ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจประดิษฐ์ขึ้นมาในวันนี้จะช่วยต่อลมหายใจ ช่วยสร้างรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ พอเลี้ยงตัวเองและภรรยาในแต่ละวันต่อไปในบั้นปลายของชีวิตก็เพียงพอแล้ว 


ด้าน อาจารย์วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ เจ้าของโรงโอ่งเถ้าฮงไถ่ราชบุรี กล่าวว่า เริ่มจากรายการคุณปัญญาพยายามหาพื้นที่ให้ลุงมีพื้นที่เพื่อวางจำหน่ายสินค้า จึงติดต่อไปที่โรงงานเถ้าฮงไถ่และร้านกาแฟแต๊งค์ที่ราชบุรีเพื่อวางสินค้า พอเห็นแล้วรู้เลยว่าลุงมีทักษะฝีมือ การทำผลิตภัณฑ์ได้ แต่ต้องมาเสริมเรื่องความหลากหลายรูปแบบที่ทันสมัย ร่วมสมัยให้เหมาะกับความต้องการทางการตลาดมากขึ้น เลยได้เชิญอาจารย์จากมหาวิทยาลัย 2 ท่าน คือ ผศ.ดร. ชานนท์ ตันประวัติ จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และ ผศ.ดร.ธาตรี เมืองแก้ว จากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มาช่วยออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ดีมีความหลากหลายมากขึ้น  


"ส่วนผลงานของลุงนั้นจะมีโอกาสได้ไปแสดงและจำหน่ายที่งานคราฟแบงค็อก 2024 ที่ ไบเทคบางนา ระหว่างวันที่ 24 - 28 สิงหาคมนี้ ขอขอบคุณสถาบันส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยที่ให้โอกาสพวกเราและลุงสวรรค์ ได้มีโอกาสนำสินค้าไปจัดแสดงจำหน่ายเพื่อสร้างเป็นรายได้เพื่อให้ลุงสามารถเดินต่อไปด้วยความยั่งยืน " คุณสวรรค์ ระบุ


สำหรับผู้สนใจอยากจะช่วยเหลือลุงสวรรค์ ฮิงหลวง ให้มีรายได้ สามารถสั่งซื้อเป็นของฝาก ของที่ระลึกไว้ตกแต่งบ้าน หรือจะนำไปขายต่อที่ร้านของตนเอง มีแบบน่ารัก ๆ สไตล์โบราณย้อนยุค ร่วมสมัย ติดต่อสั่งซื้อได้ที่เบอร์ป้าศรีอวน  เลิศทอง  080-2762679  


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง