เขื่อนเจ้าพระยาตรึงระบายน้ำ ท้ายเขื่อนน้ำขึ้นอีก 5-10 เซนติเมตร

เขื่อนเจ้าพระยาตรึงระบายน้ำ ท้ายเขื่อนน้ำขึ้นอีก 5-10 เซนติเมตร

35007 ต.ค. 67 11:40   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

เขื่อนเจ้าพระยาตรึงการระบายน้ำที่ 2,199 ลบ.ม./วินาที เป็นวันที่ 2 พื้นที่ท้ายเขื่อนน้ำขึ้นอีก 5-10 เซนติเมตร ชลประทานขอ 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา โดยเฉพาะชุมชนลุ่มต่ำริมน้ำติดตามสถานการณ์น้ำต่อเนื่อง

(7 ต.ค 67) สถานการณ์น้ำที่เขื่อนเเจ้าพระยา กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มภาคกลาง ได้คงอัตราการระบาย เพื่อรองรับมวลน้ำเหนือ และพบว่าปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงเขื่อนเจ้าพระยาผ่านจุดวัดน้ำ C2 หน้าค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ เริ่มมีแนวโน้มลดลงล่าสุด 09.00 น.วัดได้ 2,355 ลบ.ม./วิ ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาได้ปคงการระบายน้ำเอาไว้ที่ 2,199 ลบ.ม./วิ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เพื่อลดผลกระทบกับพื้นที่เหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน


รวมทั้งสร้างพื้นที่ว่างในลำน้ำรองรับปริมาณน้ำเหนือ ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาทรงตัวใน 24 ชม.ล่าสุดวัดได้ 17.31 ม.รทก.(เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง)  ขณะที่ระดับน้ำท้ายเขื่อนทรงตัวในรอบ 24 ชม.เช่นกัน ล่าสุดวัดได้ 15.10 ม.รทก. โดยเขื่อนเจ้าพระยามีแผนจะเพิ่มการระบายแบบขั้นบันไดขึ้นไปที่เกณฑ์ไม่เกิน 2,250 ลบ.ม./วิ ในช่วง 1-2 วันนี้



ทั้งนี้ 11จังหวัดลุ่มน้ำภาคกลางประกอบด้วย จ. อุทัยธานี  ชัยนาท ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี สุพรรณบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ขอให้เฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำและติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิดต่อไป


ทั้งนี้จากการคงการระบายน้ำในเกณฑ์ไม่เกิน 2,200 ลบ.ม./วิในปัจจุบัน จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน ตั้งแต่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาทลงไป จ.สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ริมคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล บ้านบางหลวงโดด ต.บางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น 5-10 เซนติเมตรใน 24 ชม.ข้างหน้า จึงขอให้ประชาชนเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำและติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิดต่อไป



ขณะที่พื้นที่ท้ายเขื่อนใน ต.ตะหลุก ต.หาดอาษา และ ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเริ่มเอ่อล้นตลิ่ง เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนริมตลิ่งนอกคันกั้นน้ำรวม 3 ตำบล ประมาณ 200 หลังคาเรือน


ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เร่งเก็บของขึ้นที่สูง และนำเรือมาใช้แทนการเดินในเรือกสวนและใต้ถุนบ้าน ขณะที่ทางเทศบาลของทั้ง 3 ตำบลเองก็ระดมกำลังกรอกกระสอบทราย เพื่อสร้างแนวกั้นน้ำกันอย่างเต็มกำลัง ด้วยความหวังว่าปีนี้น้ำจะไม่มากพอที่จะต้านไหว ไม่ถูกท่วมจนเดือดร้อนหนักเหมือนปี 2565 และ 2554



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง