สาวแสบสั่งยาง 100 เส้น จ่ายเช็คปลอม 4 แสน

สาวแสบสั่งยาง 100 เส้น จ่ายเช็คปลอม 4 แสน

124821 มิ.ย. 67 09:59   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

เจ้าของร้านร้องเจอแก๊งมิจฉาชีพ สั่งซื้อยางรถยนต์ 100 เส้น มูลค่ากว่า 4 แสนบาท สั่งจ่ายเป็นเช็คให้ ร้านไม่รับก็ออกอุบายซ้อน จนเชิดยางหนีได้ทั้งหมด

(21 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวไปที่ร้านโกดังยางแห่งหนึ่งในอำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี พบกับ นายสุทธิพงษ์ จันทร์คีรี อายุ 38 ปี เจ้าของร้านโกดังยาง นำหลักฐานเป็นเช็คเงินสดปลอม พร้อมภาพถ่ายของรถหกล้อ และรถยนต์กระบะตู้ทึบ ที่ร่วมขบวนการหลอกเชิดยางรถยนต์ของร้านตนให้กับผู้สื่อข่าวดู พร้อมให้ข้อมูลว่า


เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีชายคนหนึ่งทำทีเป็นลูกค้า โทรศัพท์เข้ามาสอบถามราคายางรถยนต์ของทางร้าน ก่อนจะตกลงสั่งซื้อยางรถยนต์กระบะ จำนวน 100 เส้น และยางรถสิบล้อ จำนวน 4 เส้น ในราคา 450,000 บาท จากร้านของตน โดยนัดหมายส่งของในวันที่ 12 มิถุนายน ที่บริเวณหน้านวนคร ซอย 1 จังหวัดปทุมธานี ซึ่งตนก็ได้ให้ลูกน้องขับรถนำยางรถยนต์ไปส่งให้กับลูกค้าตามที่ได้นัดหมายกันไว้



โดยเมื่อไปถึงจุดนัดหมาย ได้มีรถยนต์หกล้อมาจอดรออยู่หนึ่งคันและมี นางสาวอัจฉรา อายุ 36 ปี มารับสินค้า พร้อมจ่ายค่าสินค้าเป็นเช็คเงินสด จำนวน 485,000 บาท พร้อมทำการขนย้ายยางรถยนต์ทั้งหมดใส่ในรถหกล้อ แต่เนื่องจากในการสั่งซื้อ ตนได้ตกลงกับผู้ซื้อไว้ว่า จะจ่ายค่าสินค้าเป็นเงินสด ตนจึงได้บอกลูกน้องที่ไปรับสินค้าว่าให้รับเป็นเงินสด ทางนางสาวอัจฉรา และคนขับรถหกล้อ จึงออกอุบายว่า จะนำยางรถยนต์ จำนวน 100 เส้นไปเก็บที่โกดัง แล้วจะรีบนำเงินสดกลับมาจ่ายให้ โดยทิ้งยางรถสิบล้ออีก 4 เส้นไว้เป็นหลักประกัน


แต่ปรากฏว่า เมื่อนางสาวอัจฉราได้ยางรถยนต์ไปแล้ว ก็ขับรถหายไปทันที ทางลูกน้องจึงรีบโทรมาแจ้งให้ตนทราบ เมื่อตนทราบเรื่องก็รีบขับรถจากจังหวัดกาญจนบุรี ไปยังพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ หลังแจ้งความเสร็จเรียบร้อย ตนได้ไปตามหาภาพจากกล้องวงจรปิด ตามถนนที่คาดว่ารถหกล้อดังกล่าวใช้เป็นเส้นทางหลบหนี กระทั่ง ได้ภาพและหมายเลขทะเบียนของรถหกล้อคนดังกล่าว


จึงได้โทรศัพท์ไปหาเจ้าของรถหกล้อ และนัดหมายให้มาพบที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง โดยเจ้าของรถหกล้ออ้างว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพียงได้รับการว่าจ้างจาก นางสาวอัจฉรา ให้ขับรถมารับยางรถยนต์เท่านั้น โดยเมื่อได้รับยางรถยนต์แล้ว ก็ได้นำนางสาวอัจฉรา พร้อมด้วยยางรถยนต์ทั้งหมด ไปส่งต่อให้กับรถยนต์กระบะตู้ทึบอีกคันหนึ่ง ที่มาจอดรออยู่ริมถนน ในพื้นที่ของสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง 



เมื่อทราบดังนั้น ตนเองจึงได้ออกตามหาจนพบรถกระบะตู้ทึบคันดังกล่าว แต่เจ้าของรถกระบะตู้ทึบก็อ้างว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน และได้รับการว่าจ้างจาก นางสาวอัจฉรา ให้ขับรถพานางสาวอัจฉรา พร้อมยางรถยนต์ทั้งหมด ไปส่งต่อให้กับรถยนต์กระบะแบบติดคอก ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่มีการส่งต่อยางรถยนต์ดังกล่าว


นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุ ตนเองได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ให้ดำเนินคดีกับนางสาวอัจฉรา ซึ่งเป็นเจ้าของเช็ค พร้อมด้วยคนขับรถหกล้อและคนขับรถกระบะตู้ทึบ ที่มาร่วมขนย้ายยางรถยนต์ของตน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กลับปล่อยตัวของคนขับรถทั้งสองคนกลับไป โดยไม่ได้ดำเนินคดีอะไร ทั้งที่ตน ต้องออกไปตามหาเบาะแสของรถทั้งสองคันมาอย่างยากลำบาก แต่ตำรวจกลับปล่อยตัวกลับไป โดยไม่ดำเนินคดีอะไร 


ขณะเดียวกัน หลังแจ้งความจนถึงปัจจุบัน เวลาผ่านล่วงเลยมากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าอะไร เมื่อตนโทรไปสอบถามกับร้อยเวร ก็มีท่าทีบ่ายเบี่ยง คล้ายไม่อยากรับทำคดี ตนจึงได้นำเรื่องราวดังกล่าวไปโพสต์เตือนภัย กระทั่ง มีผู้เสียหายอีกสองราย มาแสดงตัว โดยรายแรกถูกก่อเหตุเมื่อสามปีก่อน และรายที่สอง ถูกก่อเหตุ เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมี นางสาวอัจฉรา เป็นคนติดต่อซื้อยางและเดินทางมารับยางพร้อมจ่ายเป็นเช็คปลอมเหมือนกับกรณีของตน โดยทั้งสองราย เกิดขึ้น ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวงเหมือนกัน และแม้ผู้เสียหายทั้งสองรายจะไปแจ้งความกับตำรวจแล้ว แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ



ตนและผู้เสียหายอีกสองรายจึงเชื่อว่า นางสาวอัจฉรา น่าจะก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายครั้ง โดยเลือกเหยื่อเป็นร้านค้าส่งยางรถยนต์จากต่างจังหวัด และใช้วิธีสั่งซื้อยางรถยนต์จำนวนมากๆ นัดให้มาส่งของในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง แล้วใช้วิธีจ่ายเช็คปลอม ก่อนจะเชิดยางรถยนต์หนี


ทั้งนี้ ตนอยากจะเรียกร้องไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ให้ช่วยสืบสวนคดีนี้อย่างจริงจัง เพราะคนร้ายรายนี้ เลือกพื้นที่ของสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ในการก่อเหตุทุกครั้ง คล้ายกับจะรู้ว่าจะไม่ถูกติดตามจับกุมตัว แม้ทางตนเองและผู้เสียหายอีกสองราย ต่างมีพยานหลักฐานชัดเจนที่สามารถระบุตัวคนร้ายได้ แต่กลับไม่มีการออกหมายเรียกหรือออกหมายจับ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด กลับปล่อยให้คนร้ายรายนี้ลอยนวล ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและไปก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้กับคนที่ทำมาหากินสุจริตได้อย่างไม่เกรงกลัวกฏหมายเช่นนี้    


ในตอนนี้ ตนก็ไม่ได้หวังว่าจะได้ยางรถยนต์ของตนคืน เพียงแค่อยากออกมาบอกให้เพื่อนร่วมอาชีพรู้ว่า มีขบวนการมิจฉาชีพที่ก่อเหตุในลักษณะนี้อยู่ เพื่อนร่วมอาชีพของตนจะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อสูญเสียเงินที่ทำมาหากินอย่างสุจริตไปอย่างน่าเจ็บปวดเหมือนกับตน



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง