อุทาหรณ์นักร้อง-ร้านอาหาร ลงคลิปแสดงสดเจอค่าลิขสิทธิ์หลักล้าน

อุทาหรณ์นักร้อง-ร้านอาหาร ลงคลิปแสดงสดเจอค่าลิขสิทธิ์หลักล้าน

392902 ก.ค. 67 08:58   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

นักร้องและเจ้าของโรงแรมเตือนเพื่อนร่วมวงการ หลังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ตัดคลิปร้องสดลงเน็ต คิดว่าจ่ายค่าลิขสิทธิ์แล้วไม่เป็นไร ที่ไหนได้โดนเรียกอีกเพลงละ 1 แสน 10 เพลง 1 ล้าน เพราะมีลิขสิทธิ์ออนไลน์แยกต่างหาก

(2 ก.ค. 67) นัท กิตติพันธ์ ลี้ศัตรูพ่าย หรือ นัท เลอทาน่า นักร้อง และเจ้าของโรงแรม Letana Hotel & Restaurant ย่านบางพลี โพสต์คลิปอุทาหรณ์ผ่านบัญชี TikTok @letana_24hrs และโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Nut Kittipan Leesatroopai เล่าเรื่องที่ตนถูกเรียกเก็บค่าลิขสิทธฺ์เพลงจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตัดคลิปที่บันทึกการแสดงสดในร้านลงโปรโมตในอินเตอร์เน็ต โดยเจ้าตัวกล่าวว่า


“แชร์ประสบการณ์เผื่อเป็นประโยชน์แก่ “พวกเรานักดนตรี” และ “ชาวร้านอาหาร” ได้บ้างไม่มากก็น้อย ตอนนี้ผมโดน “ฟ้อง” ลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการ กับเพลงที่มีชื่อว่า …. ของวง A แต่วง A ไม่ได้ฟ้องผมนะครับ เป็นเจ้าของเพลงที่เป็นอีกหนึ่งไอดอลของผม นั่นคือพี่ B สมาชิกวง…


เท้าความนิดหนึ่ง ก่อนหน้านี้ เมื่อกลางปีที่แล้ว ผมโดน แจ้งละเมิดลิขสิทธิ์ เพลง ถอนตัว ของพี่เบิร์ดกับฮาร์ท คนที่ติดต่อมาคือพี่ C และได้เคลียร์กันไปเป็นเงิน 50,000 บาท จากตอนแรกที่เรียกมาหลายแสนพี่คนนี้แหละทำให้ผม เข้าใจคำว่าลิขสิทธิ์เพลงมากขึ้นเป็นกองผมไล่ลบเพลงที่ตัวเองไม่มีลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียออกทั้งหมดและการเล่นในร้าน และในไลฟ์ เราก็เล่นเพลงเฉพาะที่เรามีลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่โซเชียลนี่คือเหตุผลที่บางเพลงเราเลิกเล่นไปเลย


หลังจากนั้นเรา พยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้องที่สุด ทั้งวงผมเองและวงที่เล่นใน เลอทาน่า พอเคลียร์กันเสร็จ ผ่านไปประมาณหนึ่งเดือนพี่ C กลับมาอีกครั้ง กลับมาพร้อมกับ 10 เพลงที่ส่วนใหญ่เป็นเพลงของพี่ B แล้วต้องการเก็บค่าละเมิดเพลงเหล่านี้ เพลงละ 100,000 บาท โดยแจ้งว่า รับมอบหมายมาจากผู้ประพันธ์เพลง ให้มาเคลียร์ค่าละเมิดลิขสิทธิ์


ตัวอย่างเพลง ที่ผมรัก ของพี่ B ก็มี หลายเพลงมาก เพลงเหล่านี้ผมร้องตั้งแต่เด็กชอบตั้งแต่เด็ก ตอนร้องเพลงกลางคืนสมัยวัยรุ่น ผมก็หยิบเพลงเหล่านี้ไปร้องเป็นประจำครับ


พอมาทำร้านโรงแรมเลอทาน่า ในยุคแรกแรกไม่ได้ร้องเพลงเก่าขนาดนี้เท่าไหร่ แต่พอมาเป็นสองปีหลัง เราหยิบเพลงของพี่พี่ที่เป็นอมตะมาร้อง โดยซื้อลิขสิทธิ์ในการเล่นในร้านเอาไว้


แต่ด้วยความรู้เข้าไม่ถึงการ หรือความสะเพร่าของเราเอง นั่นแหละ ไม่รู้ว่าการ ตัดคลิปไปลงโซเชียลนั้น เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์อีกทางหนึ่ง แล้วเรากำลังกระทำการผิดอยู่


นี่คือประสบการณ์ “โดยตรง” ที่ผมต้องพบเจอครับ แล้วผมก็เลือกที่จะแชร์ประสบการณ์นี้ออกไปให้คนที่ยังไม่เจอ จะได้มีประสบการณ์ “โดยอ้อม” ไม่ต้องไปลองผิดลองถูก แบบที่ผมเจอขอบคุณประสบการณ์เหล่านี้ ที่จะทำให้เรามีความรู้มากขึ้น ถึงแม้มันจะมีค่าใช้จ่ายแต่มันก็คือบทเรียน อะไรที่เราทำไปโดยไม่รู้ มันก็มีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น แต่ไหนๆจะมีค่าใช้จ่ายแล้ว ก็ขอให้ได้ความรู้


ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่า เรื่องนี้ผมต้องจ่ายเท่าไหร่ แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ เมื่อมีอะไรคืบหน้า บทเรียนของผม ถ้ามันเป็นประโยชน์ได้บ้าง ก็จะคอยมาเล่าให้ฟังเรื่อยเรื่อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรื่องอะไรนะครับ”


จากนั้นเจ้าตัวได้โพสต์ขยายความเพิ่มว่า ““ถ้าการเผยแพร่ความจริง ที่เป็นประโยชน์ แก่ คนที่ได้ฟังเรื่องนี้ จะทำให้ผมต้องจ่ายแพง!ขึ้น ผมยอม!! เพราะ มันคุ้ม!!


วันนี้ผมจะมาแชร์ถึงเหตุผลที่ได้อัดวิดีโอโพสต์เรื่องโดนฟ้องลิขสิทธิ์เมื่อวาน


การละเมิดลิขสิทธิ์ โดยตั้งใจ หรือ ไม่ตั้งใจ ยังไงก็ผิดอยู่แล้วครับ แต่ไหนๆจะผิดแล้ว ผมอยากให้ “ความผิดพลาด” ของผมเป็นตัวอย่าง! ให้กับคนที่ต้องเจอเรื่องนี้ในอนาคต หรือคนที่กำลังเผลอ จะทำผิด ให้เค้าฉุกคิดได้ ไม่มากก็น้อยเผื่อจะเป็นประโยชน์ให้คนอื่นได้บ้างส่วนค่าเสียหายมันจะเท่าไหร่ขอให้เป็นดุลพินิจ ของศาล! ว่าศาล! จะให้จ่ายเท่าไหร่ ผมยินดีจะทำให้ถูกต้อง


ตรงนี้ผมอยากรู้จริงๆ ว่าค่าเสียหายจริงๆ มันควรจะเท่าไหร่กันนะ ตัวผมไม่ได้ต้องการสู้ให้ชนะ ย้ำ!! ไม่ได้ต้องการชนะ!! เพราะ ผมรู้ดีว่า สินค้า(เพลง) เค้าก็มีต้นทุน อันนี้เข้าใจดีมาก


แต่ถ้าผมจ่ายตามที่ ผู้ได้รับอำนาจมานั้น เรียกทันที ผมจะไม่รู้ต้นทุนที่แท้จริง และผมจะไม่ได้ประสบการณ์มาเล่าให้ฟังและไม่ได้ความรู้ ให้ตัวเอง องค์กร และ มาบอกต่อให้พี่ๆน้องได้ เรียนรู้ไปด้วยกันว่าเคสเเบบนี้มันจะจบกันได้อย่างไรแพงกว่าเรียก พอๆกับที่เรียก หรือ น้อยกว่าที่เรียกเพราะเรื่องลิขสิทธิ์ เป็นเรื่องซับซ้อนมากเป็นสินค้าที่มีรายละเอียดอ่อนสูง ทุกความคืบหน้า ของคดีนี้ ผมจะมาคอยอัพเดท แบบทุกฝีก้าวแบบเรียลไทม์ แบบชัดเจน แบบไม่หมกเม็ด และเล่าให้พี่น้องทุกคนฟังเรื่อยเรื่อย แบบนี้ครับ


มีผู้หวังดีมากมายนะครับที่หลังไมค์มาบอกว่า คุณ นัดเอาเรื่องนี้มาเผยแพร่แบบนี้ บอกชื่อบุคคล ระวังจะโดนฟ้องหมิ่นประมาทนะคือเค้าก็เตือนด้วยความเป็นห่วง นั่นแหละอันนี้ผมก็เข้าใจดี ครับแต่ผมกลับคิดอีกแบบ ว่า ถ้าผมไม่เปิดเผยชื่อไม่ว่าจะเป็นชื่อเพลงชื่อผู้แต่งชื่อเจ้าของเพลงเหล่านั้น หรือชื่อ ผู้ที่ได้รับมอบอำนาจมา คนที่มาเรียกเก็บค่าเสียหาย ทั้งทั้งที่มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมดแล้วมันมีประโยชน์อะไรเล่ากับคนที่จะได้ฟังเรื่องนี้


ผมคิดว่า ทุกคนควร จะได้รู้ว่า สินค้าเหล่านี้ มันมีราคาเท่าไหร่ เป็นของใคร จ่ายยังไง จ่ายที่ใคร แล้วถ้าไม่จ่ายใครจะมาเรียกเก็บถ้า ผม ไม่บอก ไม่เล่า ความจริงทั้งหมด ก็ไม่ต้องเล่าไปเลยเสียดีกว่า!!!


เพราะในไหนจะเล่า ก็ต้องเล่าความจริงทั้งหมดรายละเอียดทั้งหมดเพื่อ เรื่องนี้ จะเป็น ประโยชน์สูงสุด แก่มวลมนุษยชาติที่ ยังคง ต้องข้องเกี่ยว กับเรื่อง ลิขสิทธิ์


“ลิขสิทธิ์ เรื่องที่เหมือนไกลตัว แต่โคตรใกล้ตัว””



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง