เปิดแผนลับข้ามฟ้าจับ"ชนินทร์"ผู้ต้องหาคดีหุ้นสตาร์ค

เปิดแผนลับข้ามฟ้าจับ"ชนินทร์"ผู้ต้องหาคดีหุ้นสตาร์ค

62023 มิ.ย. 67 12:55   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

เปิดแผนลับข้ามฟ้าจับ"ชนินทร์"ผู้ต้องหาคดีหุ้นสตาร์ค คุมตัวลงเครื่องสุวรรณภูมิ เตรียมส่งอัยการพรุ่งนี้

(23มิ.ย.67) เวลา 09.15 น. ที่ประตู 10 ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารขาเข้า สนามบินสุวรรณภูมิ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ร่วมแถลงข่าวการจับกุมตัว นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ผู้ต้องหาฉ้อโกงหุ้น  


นายจักรพงษ์ กล่าวว่า บริษัทสตาร์คได้รับความสนใจในวงกว้าง บริษัทมีการทุจริตกลางปี 2566 นายชนินทร์ ได้หลบหนีไปในช่วงเวลานั้น เดือน ก.ย. 66 ช่วงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศหยิบยกเรื่องนี้มามอบหมายให้ตน ในขณะดำรงตำแหน่ง รมช.ต่างประเทศ ให้ดำเนินการอย่างเป็นความลับเพื่อนำตัวนายชนินทร์ กลับมาไทยโดยเร็วที่สุด คดีนี้ส่งผลกระทบต่อนักลงทุน เป็นกรณีที่ประชาชนให้ความสนใจ เป็นภาพลักษณ์ไม่ดีต่อตลาดทุนของไทย 


นายจักรพงษ์ กล่าวต่อว่า เราได้เร่งดำเนินการตั้งแต่เดือน ต.ค.66 เพื่อจะนำตัวกลับมาดำเนินคดีให้ได้ กระทั่งวันที่ 23 มิ.ย. 67 นำตัวกลับมาได้แล้ว ใช้เวลากว่า 8 เดือน ตั้งแต่กระบวนการหาตัว หลบหนีไปที่ไหน อยู่ประเทศใดบ้าง มีการดำเนินการอย่างละเอียดอ่อน เพราะเกี่ยวกับเรื่องต่างประเทศด้วย เป็นความร่วมมือหลายหน่วยงาน กระทรวงยุติธรรม ดีเอสไอ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) อัยการสูงสุด ซึ่งกรณีนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญต่อตลาดทุนไทย ที่กลต.จะนำไปปรับปรุงเรื่องการดำเนินการให้โปร่งใสและตรวจสอบได้ของตลาดทุนไทย 


นายจักรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับกระบวนการหลังจากนี้ จะนำตัวนายชนินทร์ไป ดีเอสไอ การจับกุมครั้งนี้ ถือเป็นภารกิจลับ ได้มีการพูดคุยกับหน่วยงานราชการของดูไบ ช่วยอำนวยความสะดวก ส่งข้อมูลกลับมา และทางดีเอสไอ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูไบ เพื่อนำตัวนายชนินทร์ กลับมา ซึ่งจากที่ได้มีการพูดคุยเบื้องต้นกับนายชนินทร์ ทางนายชนินทร์ได้ร้องขอ เรื่องความยุติธรรมและความปลอดภัย และมีความห่วงเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากตอนอยู่ต่างประเทศ โดนคุกคามเหมือนกัน 


นายจักรพงษ์ ได้เปิดเผยว่า ตนเคยเดินทางไป สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) 2 รอบเพื่อติดตามเรื่องนี้ เพราะทราบดีว่า มีความยากลำบากเรื่องการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน โดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก จึงได้เดินทางเป็นการส่วนตัวถึง 2 ครั้ง เพื่อแจ้งกับรัฐบาลยูเออีว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ผู้สื่อข่าวถามว่า หลักฐานที่มีทั้งหมดจะสามารถกล่าวโทษ เอาผิด เอาเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายได้หรือไม่ นายจักรพงษ์ กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ ขอให้ไปสอบถามกับดีเอสไอ ซึ่งช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทางดีเอสไอจะให้รายละเอียดเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม การที่มาแถลงเพื่อทำให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการทุจริตคอร์รัปชัน และเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่ต้องนำตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด 


“การใช้ชีวิตของนายชนินทร์ ไม่ได้ใช้ชีวิตตามปกติ แต่ใช้วิธีการถือพาสปอร์ตนักท่องเที่ยว ส่วนใครให้ความช่วยเหลือขณะอยู่ต่างประเทศนั้น ผมไม่ทราบ คงจะต้องสอบสวนกันต่อไป” นายจักรพงษ์ ระบุ


ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวถึงกระบวนการหลังจากนี้ว่า จะนำตัวผู้ต้องหาไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา แจ้งสิทธิที่ผู้ต้องหาสามารถพบทนายได้ มีสิทธิได้รับการเข้าเยี่ยมตามกฎหมาย จากนั้นจะพิมพ์มือ ควบคุมตัว ก่อนที่จะนำส่งอัยการ ในช่วงบ่ายวันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งพนักงานสอบสวนมีสิทธิคัดค้านการประกันตัว แต่อำนาจการพิจารณาอยู่ที่ศาล 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น เวลา 9.24 น. เจ้าหน้าดีเอสไอ ได้นำตัวนายชนินทร์ เดินออกทางประตู 10 ผ่านทางหน้าผู้สื่อข่าวเพื่อนำขึ้นรถและเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไปทันที


ขณะที่ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การนำตัวนายชนินทร์กลับมามายังประเทศไทยถือเป็นอาชญากรทางเศรษฐกิจที่สามารถนำกลับเข้ามาได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ และ เป็นการดำเนินการตามคำสั่งของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้สั่งการตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ ช่วงเดือนต.ค. 2566 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าต่อมาเวลา 09.30 น.นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายของนายชนินทร์ เย็นสุดใจ ให้สัมภาษณ์ว่า นายชนินทร์ ไม่ได้อยากหนีเลยและอยากกลับประเทศไทยเพื่อมาสู้คดี แล้วที่ลือกันว่า มีเงิน 8,000 ล้านบาทส่งไปที่อังกฤษไม่เป็นความจริงเลย และที่มาวันนี้ มีการออกข่าวว่าจับตัวนายชนินทร์มา แต่ที่ตนรู้นายชนินทร์ต้องการกลับบ้าน น่าจะมีข้อตกลงว่าขอกลับบ้านมากกว่าการจับกุม เพราะที่ดูไบนักโทษหนีคดีอยู่เยอะ ถ้าดีเอสไอหรือตำรวจจะไปจับก็จับได้ทั้งนั้น เขาน่าจะมอบตัวมากกว่าเพื่อกลับมาสู้คดี เพราะทุกอย่างในคดีมาลงนายชนินทร์ทั้งหมดเลย 


"ผมเคยไปดูสำนวนทุกคนบอกนานชนินทร์ทำผิดทั้งนั้นเลย ผมก็ยังสงสัยถ้าคุณชนินทร์ทำผิดจริงมีบางคนทำผิดแบบคุณชนินทร์ทำไมสั่งไม่ฟ้องแล้วทำไมมาฟ้องคุณชนินทร์ เงินบางคนสุจริต คุณชนินทร์ไม่สุจริตหรือ ทำอะไรให้มันมาตรฐานเหมือนกัน" นายเรืองศักดิ์ กล่าว


นายเรืองศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า นายชนินทร์ไม่มีความกังวลอะไรเลย ก็คุยกันปกติ ว่าเจอกันที่เมืองไทยนะเดี๋ยวผมจะกลับ แล้วที่สังเกตเดินออกมา ถ้าเป็นคนกังวลจะมากกว่านี้ 


ผู้สื่อข่าวถามว่า นายชนินทร์ถูกคุกคามอย่างไร นายเรืองศักดิ์ ตอบว่า มีการถูกคุกคามจากที่ไหนไม่ รู้ตัวแกน่าจะรู้ดี ตนไม่ทราบเรื่องส่วนตัว ไม่ค่อยถาม แต่ได้ข่าว จากนายศรัทธา นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ที่โดนจับไปก่อนแล้ว ให้การว่าถูกคุกคามเอาชีวิต นายชนินทร์ก็น่าจะโดนเหมือนกัน ถึงได้ออกไปต่างประเทศ


นายชนินทร์ บอกว่า สำหรับเรื่องการประกันตัวเป็นเรื่องกะทันหันจึงยังไม่ได้เตรียมหลักทรัพย์ จะทำตามขั้นตอนระเบียบของศาลทุกอย่าง ไม่ได้มีเจตนาจะฝ่าฝืนอะไรเลยศาลจะสั่งอย่างไร ยอมรับสภาพอยู่แล้ว 


ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่นายชนินทร์หลบหนีไปก่อนหน้านี้ ทางทนายให้คำปรึกษาอย่างไร นายเรืองศักดิ์ กล่าวว่า เขาไม่ได้บอกกับตนเอง แต่พูดกับครอบครัวเขา แต่จริง ๆ ตนจะบอกว่าไม่ควรจะหนีเพราะเราไม่ได้ทำความผิด และนายชนินทร์ไม่ใช้โทรศัพท์ติดต่อเลย 


ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ทนายหนักใจหรือไม่ นายเรืองศักดิ์ตอบว่า ทุกคดีหนักใจทั้งนั้น แต่เชื่อในความยุติธรรมของศาล ส่วนระเบียบขั้นตอนการประกันตัว ไม่แน่ใจว่าศาลจะให้หรือไม่เพราะทุกคนที่โดนจับก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการประกันตัว จะปฏิบัติตามระเบียบของศาลทุกอย่าง


ผู้สื่อข่าวถามยังต่อว่านายชนินทร์ร้องขอความเป็นธรรมอะไรบ้าง นายเรืองศักดิ์ ตอบว่า ในระหว่างที่นายชนินทร์อยู่ต่างประเทศได้ส่งคำร้องให้ตนไปยื่นที่ดีเอสไปและอัยการ แต่ได้รับคำตอบว่าตัวนายชนินทร์ไม่อยู่ จะรับเรื่องไว้เฉย ๆ โดยเนื้อหาคำร้องปฏิเสธว่าไม่ได้ทำความผิด ได้ให้ข้อเท็จจริงทุกอย่าง เส้นทางการเงิน อำนาจต่าง ๆ ในการบริหารบริษัท STARK ก็ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ 


ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่ามีช่องทางต่อสู้คดีอย่างไรบ้าง นายเรืองศักดิ์ตอบว่า ข้อต่อสู้มีอยู่แล้ว ถามว่าทำไมบางคนไม่โดนฟ้อง ข้อหาเดียวกัน ความผิดเดียวกันเส้นทางการเงินเหมือนกัน ทำไมบางคนไม่โดนฟ้องแต่บางคนโดนสั่งฟ้อง ข้อเท็จจริงต้องมี เพราะการสั่งไม่ฟ้องก็ต้องมีเหตุผล ก็จะเอาข้อเท็จจริงนั้นมาต่อสู้คดี  


ผู้สื่อข่าวถามต่ไปอีกว่าจะเรียกร้องอะไรไปยังกระบวนการยุติธรรมหรือบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง นายเรืองศักดิ์ กล่าวว่า อยากฝากถึงทุกคนที่อยู่ในกระบวนการสอบสวนสืบสวน ขอให้ความเป็นธรรมด้วย ในชั้นอัยการก็เช่นกันถ้าเห็นเหตุผลของนายชนินทร์ที่ยื่นเข้าไปถ้าสมควรสั่งไม่ฟ้องได้ก็สมควรจะสั่งไม่ฟ้อง 


"แต่ถ้าฟ้องก็จะต่อสู้คดีอันนี้ก็แล้วแต่ศาลจะพิจารณาว่าเอกสารทั้งหมดหรือพยานบุคคลให้ข้อมูลในการพิจารณาของศาลเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์กับฝ่ายจำเลยหรือฝ่ายไหนน่าจะมีผลมากกว่ากัน" นายเรืองศักดิ์ ระบุ



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง