ไร้ปาฏิหาริย์! คนงานดับ 1 ราย ลุ้นช่วยอีก 2

ไร้ปาฏิหาริย์! คนงานดับ 1 ราย ลุ้นช่วยอีก 2

35029 ส.ค. 67 16:19   |     AdminNews

"ชัยวัฒน์" ผู้ว่าฯโคราช ยันเดินหน้าต่อหวังพบอีก 2 ราย เหตุอุโมงค์รถไฟถล่ม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

อนุทิน” เสียใจ หลังพบแรงงานเสียชีวิต เหตุอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงถล่ม ยันทีมกู้ชีพไม่มีวันถอดใจ

ยืนยันพบผู้เสียชีวิต 1 ราย กู้ภัยเร่งมือค้นหาผู้สูญหายอีก 2

29 ส.ค.67 เมื่อเวลา 11:07 น. รถพยาบาลของโรงพยาบาลมาหาราชนครราชสีมาพร้อมรถกู้ชีพของมูลนิธิสว่างวิชชาธรรมสถานทะยอยเข้าด้านในอุโมงค์ อีก 2 คัน นอกจากนี้ยังมีพนักงานสอบสวนสภ.ปากช่องเข้าไปภายในอุโมงค์ด้วย ขณะเดียวกันพื้นที่ปากอุโมงค์ บริเวณลานจอดรถ มีทั้งรถพยาบาล รถกู้ภัย และรถหน่วยงานต่างๆ ทยอยเข้าพื้นที่ที่ลานจอดรถจนเต็มลานจอด


ต่อมาเวลา 11.12 น. ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นว่าได้ มีหญิงสาวรายหนึ่งเดินมาบริเวณด้านหน้าอุโมงค์พร้อมกับยกมือไหว้ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นญาติชาวจีนรายหนึ่ง ของผู้ที่ประสบภัยด้านใน ซึ่งในขณะเดียวกัน ที่มีคนงานซึ่งทำหน้าที่ขุดดินอยู่ภายในออกมาจากด้านในอุโมงค์หญิงสาวรายดังกล่าวก็พยายามที่จะเข้าไปสอบถามถึงรายละเอียดที่อยู่ด้านใน ด้วยสีหน้าที่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับ

หลังจากนั้นเวลา 12:23 น. รถของเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนสภ.ปากช่องขับนำออกมาจากอุโมงค์ต่อด้วยรถมูลนิธิสว่างวิชชาธรรมสถานปากช่องโคราช และสุดท้ายรถของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยร่างของผู้เสียชีวิตรายแรกทั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่ระบุชื่อหรือสัญชาติ ก่อนส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาต่อไป 

นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยพล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และนพ.อุดม อัศวุตมางกุร สาธารณสุขนิเทศก์ เขต สุขภาพที่ 9 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวแสดงความเสียใจกับผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตภายในอุโมงค์แล้ว 1 ราย


นายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า หลังทีมกู้ภัยได้เข้าไป และพบผู้ประสบภัย จึงได้ส่งข้อมูลให้ทีมแพทย์ เมื่อทีมแพทย์ได้รับข้อมูลก็เข้าไปตรวจพิสูจน์ ซึ่งผู้ประสบภัยไม่มีชีพจรอยู่แล้วจึงได้ประสานพนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง เพื่อไปดำเนินการตามขั้นตอน

ส่วนเรื่องการช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยอีก 2 รายนั้น จากการตรวจสัญญาชีพพบว่าทั้งคู่ยังมีสัญญาณชีพอยู่ ดังนั้นการช่วยเหลือจะยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยทางทีมกู้ภัยของไทยได้ทำงานร่วมกับทีมกู้ภัยของประเทศจีน โดยมีล่ามสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าไปด้านใน เพื่อช่วยเรื่องประสานงานและสร้างความเข้าใจ ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการปรับแผนเล็กน้อย โดยมีการร้องขอให้ใช้สุนัข K9 ช่วยในการหาพิกัดเพื่อความแม่นยำ แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้ของโครงสร้างที่แข็งแรง

ดังนั้นทางด้าน วิศวกรโครงสร้างจึงขอว่า ภายหลังจากนำร่างของผู้เสียชีวิตรายแรกออกไปได้แล้วนั้นจะขอทำที่ค้ำยันให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้นเพื่อความปลอดภัยกับทีมกู้ภัยที่จะเข้าไปด้านใน ซึ่งในวันนี้คาดว่าสุนัข K9 ที่ได้มีการร้องขอไปจะเดินทางมาถึงประกอบกับถ้าหากทางด้านวิศวะสามารถที่จะทำเครื่องค้ำยันได้แล้วเสร็จปฏิบัติการจะเริ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงบ่ายทันที 

ทางด้านนพ. อุดม อัศวุตมางกุร สาธารณสุขนิเทศ์ เขตสุขภาพที่ 9 เผยว่า หลังจากที่ได้รับรายงานว่าพบผู้ประสบภัยแล้ว 1 ราย ทางทีมแพทย์ฉุกเฉิน สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาได้รีบเข้าไปที่เกิดเหตุและทราบว่า ผู้ประสบภัยรายแรกไม่มีสัญญาณชีพ และเสียชีวิตแล้ว จึงได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งภายหลังจากนี้จะนำร่างของผู้เสียชีวิตส่งไปชันสูตร โดยแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา 

ทั้งนี้ตราบใดที่เรายังพบว่าผู้ประสบภัยยังมีสัญญาณชีพอยู่ก็ถือว่าเรายังมีความหวัง ทางแพทย์ฉุกเฉินสาธารณสุข นครราชสีมาได้ระดมทีมแพทย์ทั้งโรงพยาบาลปากช่อง และโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และโรงพยาบาลใกล้เคียงในการสแตนบาย 24 ชั่วโมง เตรียมพร้อมกู้ชีพตลอดเวลา ซึ่งในเคสแบบนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องประเมินหลักๆคือเรื่องการหายใจ เรื่องของออกซิเจน และยิ่งตอนนี้ผ่านไปวันที่ 5 แล้วการขาดสารน้ำและเกลือแร่ ก็ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น รวมไปถึงเรื่องการขนย้ายอย่างถูกต้องและปลอดภัย ซึ่งกระบวนการที่ว่ามาทางกระทรวงสาธารณสุข นครราชสีมาได้เตรียมความพร้อมทุกอย่างไว้หมดแล้ว

พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ เผยว่า ผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตคือผู้ประสบภัยรายแรก ที่อยู่ใกล้เครื่องสแกนสัญญาณชีพมากที่สุด โดยลักษณะที่พบคือ เสียชีวิตด้านนอก โดยนอนพิงด้านข้างของรถดั้ม ซึ่งกระบวนการหลังจากนี้จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าผู้ที่เสียชีวิตคือใคร รวมไปถึงเสียชีวิตในช่วงเวลาใด


เวลา 13.00 น. นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยแผนปฏิบัติงานหลังจากที่นำร่างผู้เสียชีวิตรายแรกออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ในช่วงที่ได้นำผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นผู้ประสบภัยรายแรก ไปที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพื่อให้แพทย์นิติเวชตรวจพิสูจน์ ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ ได้มีการสั่งการให้ทีมกู้ภัยออกมาพร้อมกันด้วย แต่ปรากฏว่าในขณะนั้นได้มีการร้องขอจากข้างในให้ทีมกู้ภัยชุดดังกล่าวเข้าไปอีกครั้ง เพื่อทำการสแกนหาพิกัดของผู้สูญหายอีก 2 ราย เมื่อได้ผลการสแกนดังกล่าวแล้ว จะนำผลที่ได้มาร่วมกันหารือและวางแผนอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้มีการประสานขอสุนัข K9 เข้ามาช่วยปฏิบัติภารกิจด้วย คาดว่าน่าจะมาถึงในช่วงบ่าย เมื่อสุนัข K9 มาถึงเราจะทำการตรวจและหาพิกัดซ้ำอีกครั้ง


ซึ่งในระหว่างนี้ทางวิศวกรเจ้าของโครงการก็ได้ขอทำการเสริมความแข็งแรงในจุดที่ทีมกู้ภัยจะต้องเข้าไปทำงาน เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานด้วย แต่ถ้าหากว่าในกรณีที่มีการสแกนและระบุพิกัดของผู้ประสบภัยทั้ง 2 รายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และต้องมีการเสริมโครงสร้างในส่วนไหนให้แข็งแรงก็จะมีการร้องขอไปกลับทางด้านวิศวะเจ้าของโครงการเพื่อร่วมมือกันในการปฏิบัติภารกิจ ซึ่งจะมีกำหนดการของนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาร่วมรับฟังและวางแผนร่วมกัน

นายชัยวัฒน์ ยังพูดถึงอุปสรรคในการปฏิบัติงานว่า การที่ดินสไลด์ตัวลงมายังถือว่าเป็นอุปสรรคใหญ่ในการทำงาน ซึ่งในช่วงแรกที่เรามีการวางแผนว่าเมื่อเราสามารถเจาะหินขนาดใหญ่ได้แล้วก็จะนำร่างของผู้ประสบภัยออกมาทันที แต่ปรากฏว่าเมื่อเราเจาะหินเข้าไปได้กลับพบผนังคอนกรีตขนาดใหญ่ซึ่งเป็นโครงสร้างของอุโมงค์รถไฟฟ้าทับอยู่อีกชั้นหนึ่งจึงต้องมีการเจาะแผ่นคอนกรีตขนาด 1 เมตร ถึงจะสามารถเข้าไปถึงรถดั้มคันดังกล่าวได้ แต่เมื่อเข้าไปถึงรถดั้มก็พบว่ารถมีลักษณะเอียง เมื่อเข้าไปตรวจในเก๋งรถก็ไม่พบว่ามีใครอยู่ด้านใน จนกระทั่งมาพบผู้ประสบภัยรายแรกที่เสียชีวิตอยู่บริเวณด้านข้างของรถดั้มคันดังกล่าว 

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย จึงต้องทำโครงสร้างด้านไหนให้มีความแข็งแรง พอที่จะรับน้ำหนักแผ่นคอนกรีตและดินที่กดทับลงมาให้ได้เสียก่อน ซึ่งเราคาดหวังว่าขอให้พื้นที่ด้านในยังมีโพรงพอที่จะให้ส่องไฟฉายเข้าไปได้หรือเพียงพอที่จะให้สุนัขหรือเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถเข้าไปสำรวจด้านใน ได้ ซึ่งตอนนี้เรามีทีมกู้ภัยสแตนบายอยู่ด้านในจำนวน 9 นาย

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกำลังใจของผู้ปฏิบัติงาน นายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า ทุกคนมีกำลังใจดีและสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นในการที่จะพาตัวผู้ประสบภัยออกมาจากจุดเกิดเหตุให้ได้ นอกจากนี้ท่านผู้ว่าราชการยังตอบคำถามในประเด็นที่มีการดราม่าว่า การทำงานเป็นไปด้วยความล่าช้านั้นขึ้นอยู่กับความรู้สึกของบุคคลมากกว่า เพราะถ้าคุณที่อยู่หน้างานหรือทำงานอยู่ด้านในก็จะรู้ว่าการทำงานนั้น เร็วกว่าที่คาดการณ์กันเอาไว้ เพราะความยากลำบากของการขุดดินเจาะหินเจาะคอนกรีตที่มีความหนาถึง 1 เมตร รวมไปถึงสภาพอากาศด้านในที่ไม่เอื้ออำนวยและฝุ่นผง ซึ่งถือว่าเป็นอุปสรรคของผู้ที่ปฏิบัติงานกับความรู้สึกของคนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ก็อาจจะเป็นไปได้ที่มองในลักษณะแบบนั้นแต่ส่วนตัวเชื่อว่าทุกคนทำอย่างเต็มที่และหน้างานเดินหน้าไปเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง